กรมลดโลกร้อน ร่วมขับเคลื่อน “MNRE Zero Food Waste” มุ่งสู่เป้าหมาย SDGs

วันที่ 20 ตุลาคม 2568 ดร. พิรุณ สัยยะสิทธิ์พานิช อธิบดีกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม เข้าร่วมงานสัมมนาโครงการ “MNRE Zero Food Waste” จัดขึ้นโดยกรมควบคุมมลพิษ ณ ห้องประชุมศักดิ์สิทธิ์ ตรีเดช ชั้น 2 อาคารกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยมีนายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีเปิดงาน พร้อมมอบนโยบายด้านการจัดการขยะอาหาร ซึ่งการสัมมนาครั้งนี้ มีผู้แทนหน่วยงานจากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมทั้ง 15 หน่วยงาน หน่วยงานบริเวณรอบซอยอารีย์สัมพันธ์ ได้แก่ หน่วยงานในกระทรวงการคลัง และกรมประชาสัมพันธ์ สมาคมซาเล้งและร้านรับซื้อของเก่า และมูลนิธิการจัดการทรัพยากรอย่างยั่งยืน (มูลนิธิ 3R) มาร่วมกันแลกเปลี่ยนแนวทางที่เหมาะสมในการจัดการขยะอาหาร โดยมีผู้บริหารและผู้แทนสถานประกอบการเข้าร่วมกว่า 450 คน
จากข้อมูลรายงานสถานการณ์มลพิษของประเทศไทย ปี 2567 ปริมาณขยะมูลฝอยเกิดขึ้น 27 ล้านตันเป็นขยะอาหาร 10 ล้านตัน ซึ่งจะปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกประมาณ 2.53 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า ถ้าหากเราสามารถลดการเกิดขยะอาหารได้ครึ่งหนึ่งตามเป้าหมาย SDGs จะช่วยลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกประมาณ 1.27 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า หรือเท่ากับการปลูกต้นไม้ประมาณ 106 ล้านต้น หรือหากเราสามารถป้องกันไม่ให้อาหารเหล่านั้นครึ่งหนึ่งกลายเป็นขยะ จะสามารถนำไปช่วยเหลือกลุ่มผู้เปราะบางในประเทศไทยได้ถึง 10 ล้านคน คิดเป็นมูลค่าไม่น้อยกว่า 300,000 ล้านบาท อีกทั้งขยะอาหารเหล่านี้หากไม่มีการคัดแยกและจัดการอย่างถูกต้อง จะทำให้ขยะที่มีศักยภาพรีไซเคิลไม่สามารถจำหน่ายและนำกลับไปรีไซเคิลได้ เนื่องจากขยะเกิดการปนเปื้อนหรือหากมีการทำความสะอาดก็จะก่อให้เกิดปัญหาในการจัดการน้ำเสียเพิ่มเติม อีกทั้งยังก่อให้เกิดปัญหามากมาย อาทิ น้ำชะขยะ เกิดกลิ่นเหม็นรบกวน เกิดสัตว์พาหะนำโรค รวมถึงการจัดการที่ไม่ถูกต้องยังก่อให้เกิดปัญหาก๊าซเรือนกระจก ส่งผลให้เกิดปัญหาโลกร้อนในปัจจุบัน ซึ่งปัญหาข้างต้นเหล่านี้จึงเป็นความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อมที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจะต้องร่วมกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องบริหารจัดการให้ถูกต้องและดีขึ้น
งานสัมมนาครั้งนี้มีการจัดเสวนา “แนวทางขับเคลื่อน ทส. ให้เป็น MNRE Zero Food Waste โดยความร่วมมือจากหน่วยงานเอกชน” ซึ่งนางสาวระเบียบ ภูผา ผู้อำนวยการกองขับเคลื่อนการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม ร่วมเป็นวิทยากรเสวนา กับหน่วยงานในกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สมาคมซาเล้งและร้านรับซื้อของเก่า และมูลนิธิการจัดการทรัพยากรอย่างยั่งยืน อีกทั้ง มีการจัดแสดงนิทรรศการ MNRE Zero Food Waste จำนวน 7 บูธ ประกอบด้วย สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เสนอการจัดการขยะอาหารเกี่ยวข้องอย่างไรกับ SDGs กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม เสนอภาวะโลกเดือดจากการกำจัดขยะอาหาร กรมควบคุมมลพิษ เสนอภาพรวมโครงการ MNRE Zero Food Waste องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) เสนอโครงการ LESS และ T-VER กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เสนอรูปแบบการจัดการขยะมูลฝอยภายในอุทยาน สมาคมซาเล้งและร้านรับซื้อของเก่า เสนอการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับขยะอาหารและแนวทางการรับซื้อวัสดุ Low Value และมูลนิธิการจัดการทรัพยากรอย่างยั่งยืน เสนอ EPR และกรณีศึกษาในพื้นที่เกาะเต่า จังหวัดสุราษฎร์ธานี
นายสุชาติกล่าวว่า ปัญหาขยะอาหาร (Food Waste) เป็นประเด็นสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในระดับโลก ประเทศไทยมีปริมาณขยะอาหารมากถึง 10 ล้านตันต่อปี และขยะอาหารเหล่านี้ยังเป็นแหล่งกำเนิดก๊าซมีเทนที่ก่อให้เกิดภาวะโลกร้อนมากกว่าก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ถึง 28 เท่า รัฐบาลโดยการนำของท่านอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้ให้ความสำคัญกับปัญหาดังกล่าว และได้มอบหมายให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการผลักดันให้เกิดผลในการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม จึงได้มุ่งเป้าไปที่หน่วยงานภายใต้สังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นต้นแบบของหน่วยงานที่มีการจัดการขยะเป็นศูนย์ (Zero Waste) และได้เน้นย้ำว่าหน่วยงานในกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ต้องเป็นต้นแบบของ Zero Food Waste ในระยะเวลา 4 เดือน ก่อนจะขยายผลไปยังหน่วยงานอื่น ๆ หน่วยงานราชการอื่น ๆ และให้ทุกหน่วยงานสามารถดำเนินการเพื่อให้ขยะเป็นศูนย์ (Zero Waste) ซึ่งเป็นเป้าหมายสูงสุดของการจัดการขยะมูลฝอยต่อไป
“ประเทศไทยเติบโตอย่างยั่งยืนด้วยเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำและมีภูมิคุ้มกันต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศด้วยการมีส่วนร่วมของประชาชน”





