“ความมั่นคงทางอาหาร” โจทย์ท้าทาย รับมือโลกเดือด
วิกฤตสภาพภูมิอากาศยังคงเป็นภัยคุกคามสำคัญต่อระบบอาหารของโลก ล่าสุดจากงานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร Nature Food (2024) ได้ศึกษาการผลิตพืชอาหารหลัก 6 ชนิด ได้แก่ ข้าวโพด ข้าว ถั่วเหลือง ข้าวสาลี มันสำปะหลัง และข้าวฟ่าง พบว่า ผลผลิตของพืชเหล่านี้มีแนวโน้มลดลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะสถานการณ์ที่อุณหภูมิเฉลี่ยผิวโลกเพิ่มสูงขึ้น ในทุก ๆ การเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิโลก 1 องศาเซลเซียส อาจทำให้ผลผลิตอาหารลดลงถึง 120 แคลอรีต่อคนต่อวัน หรือคิดเป็น 4.4% ของการบริโภคที่แนะนำในแต่ละวัน เทียบเท่ากับ การไม่ได้กินอาหารเช้า สำหรับประชากรโลกโดยเฉลี่ย
ทั้งนี้ ทีมวิจัยได้รวบรวมข้อมูลจาก 12,658 พื้นที่ใน 54 ประเทศ เพื่อประเมินการปรับตัวของผู้ผลิตอาหารต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และจำลองผลกระทบในอนาคตเทียบกับสถานการณ์ที่โลกร้อนขึ้นกับกรณีที่อุณหภูมิคงที่ตั้งแต่ต้นทศวรรษ 2000
ในกรณีสถานการณ์ที่โลกร้อนมากสุด มีการคาดว่า ภายในปี 2100 ผลผลิตถั่วเหลืองจะลดลงถึง 26% ส่วนในสถานการณ์ที่ใกล้เคียงกับนโยบายปัจจุบัน คาดว่า ถั่วเหลืองอาจลดลง 16% ข้าวสาลีลดลง 7.7% ข้าวโพดลดลง 8.3% ส่วนข้าวจะเป็นพืชเดียวที่คาดว่าจะมีผลผลิตเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ขณะเดียวกันในปี 2100 ประชากรโลกอาจจะเพิ่มจาก 8 พันล้านคน เป็น 10 พันล้านคน ทำให้ความต้องการอาหารเพิ่มสวนทางกับผลผลิตที่ลดลง โดยเฉพาะภูมิภาคที่เป็นแหล่งผลิตอาหารหลักของโลก จะได้รับผลกระทบมากที่สุด ขณะที่ประเทศยากจนประสบปัญหาในการเข้าถึงอาหารมากขึ้น
นอกจากนี้ รายงาน Global Report on Food Crises 2025 ยังได้ระบุว่า ประชากรโลกกว่า 295 ล้านคน ต้องเผชิญกับภาวะหิวโหยขั้นรุนแรงในปีที่ผ่านมา และนับปีที่ 6 ติดต่อกัน ที่มีสาเหตุหลักมาจากความขัดแย้งและความรุนแรง การพลัดถิ่นจากภัยพิบัติ รวมถึงความแปรปรวนของสภาพอากาศที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น ล้วนส่งผลให้ ผลผลิตทางการเกษตรเสียหาย ความมั่นคงทางอาหารสั่นคลอน และห่วงโซ่อุปทานทั่วโลกหยุดชะงัก
ทางออกที่ต้องเร่งดำเนินการ เพื่อรับมือกับวิกฤตความมั่นคงทางอาหารที่กำลังทวีความรุนแรง จึงจำเป็นต้องเร่งดำเนินการในหลายด้าน เช่น การวางแผนเชิงระบบในระยะยาว การส่งเสริมเทคโนโลยีการเกษตรที่เหมาะสม การสนับสนุนเกษตรกรให้ปรับตัวได้จริง การวิจัยและพัฒนาพันธุ์พืชที่ทนทานต่อสภาพอากาศ การบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืน การให้การสนับสนุนด้านการเงินและการลงทุนในระบบอาหาร และที่สำคัญ คือ การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างจริงจัง เพื่อชะลอความรุนแรงของการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ และรักษาความมั่นคงทางอาหารของโลกในระยะยาวไว้ได้อย่างยั่งยืน
“ประเทศไทยเติบโตอย่างยั่งยืนด้วยเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำและมีภูมิคุ้มกันต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศด้วยการมีส่วนร่วมของประชาชน”
แหล่งที่มา :
(1) The Guardian. (2025, June 18). Climate crisis could hit yields of key crops even if farmers adapt.
(2) Nature Food. (2024). Climate impacts on global crop yields. Nature Food.
(3) Global Report on Food Crises 2025.