เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2568 ที่ผ่านมา ดร.พิรุณ สัยยะสิทธิ์พานิช อธิบดีกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม ให้เกียรติเป็นวิทยากรพิเศษบรรยายเชิงวิชาการ ภายใต้กิจกรรม “คืนสู่เหย้า 44 ปี สหสาขาวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม จุฬาฯ” ในหัวข้อ “องค์กรจะปรับตัวภายใต้การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อมอย่างไร” ซึ่งจัดโดยบัณฑิตวิทยาลัย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมกับ
ชมรมจุฬาฯ รักษ์สิ่งแวดล้อม เพื่อถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์ด้านนโยบายการจัดการสิ่งแวดล้อมขององค์กรที่จำเป็น ต้องปรับตัวต่อผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพถูมิอากาศ ณ ห้องประชุม 801 ชั้น 8 อาคารเฉลิมราชกุมารี 60 พรรษา (จามจุรี 10) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยดร.พิรุณ สัยยะสิทธิ์พานิช ได้กล่าวถึงแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงที่มีผลกระทบต่อสังคม เศรษฐกิจ เทคโนโยลี และสิ่งแวดล้อม ตลอดจนความร่วมมือของประชาคมโลกภายใต้กรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (UNFCCC)พร้อมทั้งนำเสนอผลลัพธ์สำคัญจากการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาฯ สมัยที่ 30 (COP 30) อาทิ การจัดส่งเป้าหมาย NDC 3.0 เพื่อยกระดับความมุ่งมั่นในการลดก๊าซเรือนกระจก การจัดทำตัวชี้วัดเป้าหมายการปรับตัวระดับโลก (Global Goal on Adaptation)และกรอบ Baku to Belém Roadmap to 1.3T ซึ่งเป็นเป้าหมายในการระดมเงินทุนมูลค่า 1.3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี ค.ศ. 2035 เพื่อสนับสนุนประเทศกำลังพัฒนาในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและเพิ่มความสามารถในการปรับตัวฯ ทั้งนี้ ยังได้กล่าวถึงทิศทางนโยบายสำคัญในการมุ่งสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero GHG Emission) ภายในปี ค.ศ. 2050 รวมทั้งความก้าวหน้าในการจัดทำ (ร่าง) พระราชบัญญัติการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ พ.ศ. …. ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการเปลี่ยนผ่านสู่การพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแบบปล่อยคาร์บอนต่ำโดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ในการนี้ ดร.พิรุณ ได้เน้นย้ำถึงบทบาทสำคัญของเยาวชนในการเข้ามามีส่วนร่วมในการกำหนดนโยบายด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น เพื่อร่วมออกแบบอนาคตของตนเองพร้อมทั้งวางรากฐานที่มั่นคงให้กับคนรุ่นต่อไป โดยมีนิสิตเก่า นิสิตปัจจุบันของหลักสูตรสหสาขาวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อมและประชาชนทั่วไป เข้าร่วมรับฟังการบรรยายจำนวนทั้งสิ้น 200 คน
“ประเทศไทยเติบโตอย่างยั่งยืนด้วยเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำและมีภูมิคุ้มกันต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศด้วยการมีส่วนร่วมของประชาชน”