กรมลดโลกร้อน ร่วม MOU กับ 15 พันธมิตร รณรงค์ลดขยะอาหาร “Stop Food Waste Start the Future หยุดขยะอาหาร ต่ออนาคต”

               วันที่ 26 มิถุนายน 2568 กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม เข้าร่วมพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) การขับเคลื่อนการดำเนินงานตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนที่ 12 ของประเทศไทย (สร้างหลักประกันให้มีรูปแบบการผลิตและการบริโภคที่ยั่งยืน) ซึ่งมี สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นหน่วยงานประสานงานกลาง (Focal Point) และหน่วยงานรับผิดชอบหลักในการขับเคลื่อนการดำเนินงานตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนที่ 12 และได้รับความร่วมมือจากองค์กรภาคี 15 หน่วยงานเข้าร่วมลงนามบันทึกความร่วมมือในครั้งนี้ เพื่อสะท้อนถึงจุดยืนของรัฐบาลไทยที่ให้ความสำคัญกับการลดขยะอาหาร และถือเป็นก้าวสำคัญในการนำพาประเทศเข้าสู่ทศวรรษแห่งการลงมือทำ อันนำไปสู่การบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนร่วมกับประชาคมโลก โดย ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้เกียรติเป็นประธาน พร้อมด้วย นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่ง ดร.พิรุณ สัยยะสิทธิ์พานิช อธิบดีกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม ได้มอบหมายให้ นายปวิช เกศววงศ์ รองอธิบดีกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม เป็นผู้แทนร่วมลงนาม โดยมี นางสาวระเบียบ ภูผา ผู้อำนวยการกองขับเคลื่อนการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมอากาศ และเจ้าหน้าที่กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อมเข้าร่วมงานดังกล่าว ณ ห้องประชุมศักดิ์สิทธิ์ ตรีเดช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
               ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้กล่าวว่า “ปัญหาขยะอาหารไม่ใช่เพียงปัญหาระดับชาติ แต่เป็นวิกฤติระดับโลกที่ทุกภาคส่วนต้องตระหนักและร่วมมืออย่างจริงจัง เพราะขยะอาหารส่งผลกระทบทั้งต่อสิ่งแวดล้อม สังคม และเศรษฐกิจ การลดขยะอาหารไม่ใช่เรื่องของใครคนใดคนหนึ่งแต่คือการกิจร่วม จึงตั้งเป้าประกาศให้ปีนี้เป็น “ปีแห่งการเริ่มต้นรณรงค์การลดขยะอาหาร” วางรากฐานการขับเคลื่อนทั้งด้านการสื่อสาร รณรงค์ และนำร่องลดขยะอาหารอย่างเป็นรูปธรรมในองค์กรที่มีพลังต่อการปลุกกระแส หวังขยายผลสู่วิถีชีวิตของสังคมไทย สร้างผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมในวงกว้าง พร้อมเชื่อมโยงอาหารส่วนเกินสู่การแบ่งปันในอนาคต”
               สำหรับการลงนามครั้งนี้มีองค์กรเข้าร่วมทั้งสิ้น 15 หน่วยงาน แบ่งเป็นภาคีองค์กรนำร่องผู้ปฏิบัติ ได้แก่ ห้างสรรพสินค้าซีคอน สยามพิวรรธน์ เซ็นทรัลพัฒนา เดอะมอลล์ เครือข่ายมหาวิทยาลัยยังยืนแห่งประเทศไทย และภาคีองค์กรนำร่องผู้สนับสนุน ได้แก่ กรุงเทพมหานคร กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ โดยศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุ ศูนย์วิจัยและสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน มูลนิธิสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย สมาคมส่งเสริมการผลิตและการบริโภคที่ยั่งยืน และ บริษัท ไทยยูธกรุ๊ป จำกัด ซึ่งทั้งหมดจะร่วมเป็นพลังสำคัญในการจุดประกายการมีส่วนร่วนร่วมของทุกภาคส่วนทั่วประเทศ ผลักดันสู่การเปลี่ยนแปลงเชิงพฤติกรรมนำไปสู่การลดขยะอาหาร เพื่อร่วมกันสร้างสังคมแห่งการผลิตและบริโภคอย่างยั่งยืนในอนาคต

“ประเทศไทยเติบโตอย่างยั่งยืนด้วยเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำและมีภูมิคุ้มกันต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศด้วยการมีส่วนร่วมของประชาชน”

กรมลดโลกร้อน ร่วมหารือเยอรมัน เดินหน้าความร่วมมือด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

               เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2568 ที่ผ่านมา ดร.พิรุณ สัยยะสิทธิ์พานิช อธิบดีกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม เป็นประธานร่วมกับ Dr. Philipp Behrens, Head of Unit, International Climate Initiative, the Federal Ministry for Economic Affairs and Energy (BMWE) ในการประชุมเชิงนโยบายและคณะกรรมการกำกับโครงการความร่วมมือไทย-เยอรมัน (Policy Dialogue and Steering Committee Meeting on Thai – German Cooperation in a field of climate change, biodiversity, and environment) พร้อมด้วยนายจิรวัฒน์ ระติสุนทร รองเลขาธิการสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายวัชรินทร์ บุญฤทธิ์ รองผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ในห้วงการประชุมองค์กรย่อยภายใต้กรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ประจำปี 2568 ณ เมืองบอนน์ สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี
               ทั้งสองฝ่ายได้แลกเปลี่ยนการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ความหลากหลายทางชีวภาพ และพลังงาน โดย กรมลดโลกร้อน ได้แลกเปลี่ยนความก้าวหน้าของการจัดทำ NDC 3.0 การจัดทำพระราชบัญญัติการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การขับเคลื่อนการดำเนินงานตามแผน NAP การมีส่วนร่วมของประเทศไทยใน Climate Club กรมลดโลกร้อน ได้แสดงความสนใจในการดำเนินงานด้านการปรับตัวฯ ภาคเกษตรที่ต้องมีผลประโยชน์ร่วม (co-benefit) กับการลดก๊าซเรือนกระจก การรับมือกับภัยพิบัติโดยใช้ Nature-based Solutions ในการแก้ปัญหาในภาคเมือง อุตสาหกรรมที่ลดก๊าซฯ ได้ยาก การสร้างความร่วมมือกับธนาคารต่าง ๆ รวมถึงหารือการดำเนินความร่วมมือระหว่างไทย-เยอรมัน ภายใต้แผนงานปกป้องสภาพภูมิอากาศระดับสากล (International Climate Initiative: IKI) พร้อมนี้ ทั้งสองฝ่ายยังได้แลกเปลี่ยนมุมมองต่อประเด็นการเจรจาภายใต้กรอบอนุสัญญาฯ ที่สำคัญ อาทิ แผนงาน Baku to Belem Roadmap to 1.3T การกำหนดตัวชี้วัดของเป้าหมายระดับโลกด้านการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Global Goal on Adaptation: GGA) การดำเนินงานของMitigation Work Programme และความสำคัญของความร่วมมือภายใต้ข้อ 6 ของความตกลงปารีส ทั้งนี้ ดร.พิรุณฯ ได้ขอบคุณการสนับสนุนจากรัฐบาลสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนีและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง และยินดีสร้างความร่วมมือทั้งสองฝ่ายเพื่อนำไปสู่ผลลัพธ์อย่างเป็นรูปธรรมต่อไปในอนาคต

“ประเทศไทยเติบโตอย่างยั่งยืนด้วยเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำและมีภูมิคุ้มกันต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศด้วยการมีส่วนร่วมของประชาชน”

กรมลดโลกร้อน ร่วมเวทีเจรจา พิจารณาตัวชี้วัดแผนปรับตัวฯ ระดับโลก

               เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2568 ที่ผ่านมา ดร.พิรุณ สัยยะสิทธ์พานิช อธิบดีกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม พร้อมด้วย ดร. กิตติศักดิ์ พฤกษ์กานนท์ ผอ.กองยุทธศาสตร์และความร่วมมือระหว่างประเทศ และเจ้าหน้าที่กองขับเคลื่อนการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เข้าร่วมการประชุมหารือรายละเอียดการดำเนินงานตามเป้าหมายการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศระดับโลก ในห้วงการประชุมองค์กรย่อยภายใต้กรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ประจำปี พ.ศ. 2568 ณ เมืองบอนน์ สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี
               ที่ประชุมได้พิจารณาคัดเลือกตัวชี้วัดตามเป้าหมายการปรับตัวฯ ระดับโลก ซึ่งจะต้องมีความชัดเจนและไม่ทับซ้อนกับตัวชี้วัดด้านการลดก๊าซเรือนกระจก เว้นแต่จะเกิดผลประโยชน์ร่วม (co-benefit) อย่างไรก็ตาม ตัวชี้วัดควรมีความครบถ้วนทั้งในเชิงมิติ เนื้อหา และเป้าหมาย นอกจากนี้ ภาคียังได้พิจารณาแผน Baku Adaptation Roadmap ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญในการร่วมกันยกระดับการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศให้มีทิศทางที่ชัดเจน และนำไปปฏิบัติได้จริง ซึ่งผู้แทนไทยจะได้ติดตามความก้าวหน้าการเจรจาในประเด็นดังกล่าวต่อไป

“ประเทศไทยเติบโตอย่างยั่งยืนด้วยเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำและมีภูมิคุ้มกันต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศด้วยการมีส่วนร่วมของประชาชน”

กรมลดโลกร้อน ร่วมหารือสวิส ขับเคลื่อนความร่วมมือลดโลกร้อนผ่านกลไกข้อ 6 ของความตกลงปารีส ต่อเนื่องหลังปี 2030

               เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2568 ที่ผ่านมา ดร.พิรุณ สัยยะสิทธิ์พานิช อธิบดีกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม พร้อมด้วย ดร.กิตติศักดิ์ พฤกษ์กานนท์ ผู้อำนวยการกองยุทธศาสตร์และความร่วมมือระหว่างประเทศ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง หารือร่วมกับผู้แทนกระทรวงสิ่งแวดล้อมแห่งสมาพันธรัฐสวิส ในห้วงการประชุมองค์ย่อยภายใต้กรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ประจำปี พ.ศ. 2568 ณ เมืองบอนน์ สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี
               ในการหารือดังกล่าว ทั้งสองฝ่ายร่วมยินดีต่อความร่วมมือที่เกิดขึ้นภายใต้ข้อตกลงการดำเนินงานภายใต้ความตกลงปารีสระหว่างราชอาณาจักรไทยกับสมาพันธรัฐสวิส พร้อมติดตามความก้าวหน้าการดำเนินงานโครงการเปลี่ยนรถโดยสารประจำทางสาธารณะภาคเอกชนเป็นรถโดยสารประจำทางไฟฟ้า (รถร่วมบริการ) ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร เพื่อให้ฝ่ายสวิสฯ ได้ดำเนินการในการถ่ายโอนผลการลดก๊าซเรือนกระจกครั้งที่สองต่อไป และได้หารือความเป็นไปได้ในการพัฒนาโครงการความร่วมมือภายหลังปี ค.ศ. 2030 รวมถึงแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ของการใช้กลไกข้อ 6 ของความตกลงปารีส ในการยกระดับศักยภาพการลดก๊าซเรือนกระจกของประเทศ

“ประเทศไทยเติบโตอย่างยั่งยืนด้วยเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำและมีภูมิคุ้มกันต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศด้วยการมีส่วนร่วมของประชาชน”

กรมลดโลกร้อน นำทีมไทยร่วมเวที FSV18 แลกเปลี่ยนงานด้านโลกร้อน พร้อมผลักดันความร่วมมือระหว่างประเทศ

สาระสำคัญรายงาน BUR4 – พร้อมสร้างศักยภาพผ่านความร่วมมือและการสนับสนุนจากนานาประเทศ
โดย นายปวิช เกศววงศ์
รองอธิบดีกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม
สามารถรับชมและรับฟังได้ที่ : https://www.youtube.com/watch?v=H7kBLpfnsTw

“ประเทศไทยเติบโตอย่างยั่งยืนด้วยเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำและมีภูมิคุ้มกันต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศด้วยการมีส่วนร่วมของประชาชน”

 

สส. จัดกิจกรรมบริจาคโลหิต เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 3 มิถุนายน 2568