DCCE เดินหน้าโครงการ Enhancing Thailand’s Climate actions at local level ผ่านความร่วมมือทางวิชาการจากองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น (JICA)

               วันที่ 21 กรกฎาคม 2568 กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม โดย ดร.พิรุณ สัยยะสิทธิ์พานิช อธิบดีกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม นายปวิช เกศววงศ์ รองอธิบดีกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม พร้อมด้วยคณะผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมการประชุม ร่วมกับคณะผู้แทนจากองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น (JICA) นำโดย Mr. KAWANISHI Masato และคณะ เพื่อชี้แจงกรอบการดำเนินโครงการฯ ซึ่งจะช่วยยกระดับการดำเนินงานด้านการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในระดับจังหวัด ประกอบด้วย (1) การพัฒนาข้อมูล องค์ความรู้ รวมถึงเครื่องมือสนับสนุนการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (2) การเสริมสร้างขีดความสามารถของเจ้าหน้าที่สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัด และเจ้าหน้าที่กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม (3) การดำเนินมาตรการด้านการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในพื้นที่นำร่อง โดยคาดว่าจะเริ่มดำเนินโครงการตั้งแต่เดือนมีนาคม พ.ศ. 2569 – 2573 รวมระยะเวลา 4 ปี
               “ประเทศไทยเติบโตอย่างยั่งยืนด้วยเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำและมีภูมิคุ้มกันต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศด้วยการมีส่วนร่วมของประชาชน”

กรมลดโลกร้อน ร่วมพิธีเปิดโครงการตัดไม้เกษตรที่ปลูกขึ้นเอง เพื่อการดำรงชีพอย่างปกติธุระของชุมชน ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติทะเลบัน จ.สตูล

          วันที่ 19 กรกฎาคม 2568 ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (รมว.ทส.) ลงพื้นที่อุทยานแห่งชาติทะเลบัน จังหวัดสตูล เป็นประธานเปิดโครงการตัดไม้เกษตรที่ปลูกขึ้นเอง เพื่อการดำรงชีพอย่างปกติธุระ ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติทะเลบัน ณ แปลงยางพารา ภายในอุทยานแห่งชาติทะเลบัน จังหวัดสตูล จัดขึ้นโดย กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เพื่อดำเนินการนำร่องการตัดฟันไม้ยางพาราในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ตามกฎหมาย แห่งแรกของประเทศไทย ให้กับราษฎรที่ผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติและจัดแปลงที่ดินทำกินตามที่กฎหมายกำหนด ซึ่งเป็นแปลงที่ นายอาซีซัน อำมาลี ราษฎรในพื้นที่บ้านวังประจันใต้ หมู่ที่ 4 ตำบลวังประจัน อำเภอควนโดน จังหวัดสตูล ได้รับการสำรวจการถือครองที่ดิน และได้รับการรับรองการอยู่อาศัยภายในป่าอนุรักษ์ อุทยานแห่งชาติทะเลบัน เนื้อที่ประมาณ 3 ไร่ 3 งาน 27 ตารางวา โดยมี นายศักระ กปิลกาญจน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล ดร.พิรุณ สัยยะสิทธิ์พานิช อธิบดีกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม นายโกเมศ พุทธสอน รองอธิบดีกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม ตลอดจนผู้บริหารระดับสูงหน่วยงานในสังกัดกระทรวงฯ หน่วยราชการในพื้นที่ และประชาชน ให้การต้อนรับและร่วมเป็นสักขีพยาน
          ทั้งนี้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตระหนักถึงความจำเป็นในการพัฒนาคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชนที่อยู่อาศัยทำกินในเขตป่าอนุรักษ์ เพื่อให้มีสิทธิโดยชอบด้วยกฎหมายที่จะอยู่อาศัยและทำกินเพื่อการดำรงชีพอย่างเป็นปกติธุระในพื้นที่ดังกล่าวได้อย่างมีศักดิ์ศรีและเกิดความภาคภูมิใจ และสิทธินั้นสามารถตกทอดสู่ลูกหลานได้ต่อไป ชุมชนหรือประชาชนในพื้นที่โครงการฯ ยังสามารถที่จะพัฒนาสาธารณูปโภค สาธารณูปการ พัฒนาคุณภาพชีวิต รวมถึงได้รับการสนับสนุนหรือขอรับความช่วยเหลือจากรัฐบาลได้อย่างเท่าเทียมและไม่เกิดความเหลื่อมล้ำ สำหรับในส่วนของการตัดไม้ยืนต้นฯ ในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ พนักงานเจ้าหน้าที่จะต้องดำเนินการให้เป็นไปตามแนวทางการตัดไม้ยืนต้น ไม้เกษตร หรือไม้ที่ปลูกตามนโยบายของรัฐในการปลูกป่าเลียนแบบธรรมชาติ การสร้างป่าเชิงนิเวศ หรือปลูกป่าระบบวนเกษตร และไม้ยืนต้นที่เป็นไม้ใช้สอยยืนต้นที่ปลูกขึ้นเอง อย่างถูกต้อง ชัดเจน และเป็นไปในทิศทางเดียวกันอย่างมีเอกภาพ ซึ่งในวันนี้ จะเป็นการตัดต้นยางพาราในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ต้นแรกของประเทศตามกฎหมาย
          “ประเทศไทยเติบโตอย่างยั่งยืนด้วยเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำและมีภูมิคุ้มกันต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศด้วยการมีส่วนร่วมของประชาชน”

กรมลดโลกร้อนร่วมผนึกกำลัง MOU 10 พันธมิตร พัฒนาฐานข้อมูลและตัวชี้วัดเพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ

          เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2568 ที่ผ่านมา ดร.พิรุณ สัยยะสิทธิ์พานิช อธิบดีกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม พร้อมด้วย นายโกเมศ พุทธสอน รองอธิบดีกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม ร่วมกับคณะผู้บริหาร รวม 10 หน่วยงาน เข้าร่วมพิธีลงนามความร่วมมือการพัฒนาฐานข้อมูลและตัวชี้วัดเพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ ซึ่งเป็นความร่วมมือกันระหว่างสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ หรือ สวทช และภาคีความร่วมมือโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ฐานข้อมูลและตัวชี้วัดด้านสิ่งแวดล้อมของประเทศการบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (Greenhouse Gas) เศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs Goal) รองรับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมคาร์บอนต่ำ เศรษฐกิจหมุนเวียน และสังคมคาร์บอนต่ำ
          ดร.พิรุณ สัยยะสิทธิ์พานิช อธิบดีกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม ได้กล่าวว่า “ณ ขณะนี้ การขับเคลื่อนเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ เป็นเรื่องสำคัญ จากรายงานขององค์การอุตุนิยมวิทยาโลก หรือ WMO ได้รายงานสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในปีที่ผ่านมา (2024) พบว่าเป็นปีที่ร้อนที่สุดในรอบ 175 ปีที่มีการบันทึก โดยโลกมีอุณหภูมิสูงกว่ายุคก่อน อุตสาหกรรมถึง 1.55 + 0.13 องศาเซลเซียส ซึ่งทั่วโลกต้องเผชิญรูปแบบภัยพิบัติที่มีความถี่และทวีความรุนแรงขึ้น ส่งผลกระทบทุกภาคส่วน รวมถึงภาคธุรกิจซึ่งจะต้องมีการปรับตัวเพื่อลดความเสี่ยงและเป็นการเพิ่มโอกาสในการแข่งขันในเวลาเดียวกัน โดยอาศัยเครื่องมือกลไกหลายช่องทางสนับสนุนภาคธุรกิจในการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจสังคมคาร์บอนต่ำ โดยในแผนการดำเนินงานความร่วมมือฯ นี้ ได้กำหนดแผนที่สัมพันธ์กับเป้าหมายภารกิจกรม ได้แก่ การพัฒนาค่ากลางการปล่อยคาร์บอน (CBAM Default Values) ของกลุ่มอุตสาหกรรม เป้าหมายภายใต้มาตรการ CBAM การพัฒนาฐานข้อมูลวัฏจักรชีวิตและจัดทำเป็นค่าการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (GHG Emission Factor: EF) โดยสามารถเชื่อมโยงกับ “ภาษีคาร์บอน” เป็นหนึ่งในกลไกสำคัญใน พรบ. การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณา และในตอนท้าย ดร.พิรุณ ได้ย้ำว่า สิ่งสำคัญที่สุด คือ ข้อมูลที่จัดทำจะต้องมีความชัดเจน ไม่ซ้ำซ้อน เป็นข้อมูลที่มีคุณภาพ (Data Quality) เพื่อให้ Al นำมาพัฒนารายงานให้ได้ผลลัพธ์ที่น่าเชื่อถือและสามารถวิเคราะห์ในเชิงลึกต่อไป และความร่วมมือพัฒนาฐานข้อมูลและตัวชี้วัดเพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำนี้จะเป็นหนึ่งในจิ๊กซอร์การทำงานร่วมกันเพื่อมุ่งให้การขับเคลื่อนเป้าหมายได้อย่างยั่งยืนต่อไป”
          “ประเทศไทยเติบโตอย่างยั่งยืนด้วยเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำและมีภูมิคุ้มกันต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศด้วยการมีส่วนร่วมของประชาชน”

ประกาศผู้ชนะการเสนอราคา จ้างเหมาบริการรถยนต์ จำนวน 1 คัน พร้อมพนักงานขับรถยนต์ ระหว่างวันที่ 19 – 23 กรกฎาคม 2568 ณ จังหวัดขอนแก่น และจังหวัดมหาสารคาม โดยวิธีเฉพาะเจาะจง

ประกาศผู้ชนะการเสนอราคา จ้างทำสื่อเผยแพร่ผลงานวิจัยแนวทางปฏิบัติการจัดการของเสียอันตรายสำหรับการจัดการซากหลอดฟลูออเรสเซนต์ โดยวิธีเฉพาะเจาะจง

ประกาศผู้ชนะการเสนอราคา จ้างจัดทำชุดองค์ความรู้เกี่ยวกับวัสดุดูดซับโครงข่ายโลหะอินทรีย์ (Metal organic frameworks : MOFs) สำหรับบำบัดมลพิษในสิ่งแวดล้อม โดยวิธีเฉพาะเจาะจง

กรมลดโลกร้อน จัดประชุมคณะทำงานเจรจาสำหรับการประชุมกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ครั้งที่ 1/2568

               วันที่ 17 กรกฎาคม 2568 กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม (กรมลดโลกร้อน) จัดการประชุมคณะทำงานเจรจาสำหรับการประชุมกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ครั้งที่ 1/2568 ณ ห้องประชุมอารีย์สัมพันธ์ ชั้น 3 อาคารกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม โดยมี ดร.พิรุณ สัยยะสิทธิ์พานิช อธิบดีกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม เป็นประธานคณะทำงาน พร้อมกับหน่วยงานภายใต้คณะทำงานฯ จำนวน 23 หน่วยงาน เข้าร่วมการประชุม
              ที่ประชุมได้รับทราบ (1) คำสั่งแต่งตั้งคณะทำงานฯ ดังกล่าว (2) สรุปผลการประชุมคณะทำงานอาเซียนว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ครั้งที่ 16 (16th AWGCC) (3) สรุปผลการประชุมองค์กรย่อยภายใต้กรอบอนุสัญญาฯ ประจำปี พ.ศ. 2568 ซึ่งจะเชื่อมโยงไปสู่การประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาฯ สมัยที่ 30 (COP 30) ณ สหพันธ์สาธารณรัฐบราซิล ในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2568 ต่อไป
              นอกจากนี้ ที่ประชุมได้ร่วมกันพิจารณา (1) ร่างองค์ประกอบคณะผู้แทนไทยในการประชุม COP 30 (2) ร่างแถลงการณ์ร่วมอาเซียนว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศสำหรับการประชุม COP 30 (3) ร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงพัฒนาเศรษฐกิจแห่งสหพันธรัฐรัสเซียว่าด้วยประเด็นด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการพัฒนาคาร์บอนต่ำ และ (4) ร่างบันทึกข้อตกลงระหว่างกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงการต่างประเทศและการค้าแห่งนิวซีแลนด์ด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยที่ประชุมได้ให้ความเห็นที่จะเป็นประโยชน์ต่อการดำเนินงานของไทย ทั้งภายใต้กรอบอาเซียน และกรอบทวิภาคี พร้อมมอบหมายฝ่ายเลขานุการฯ ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องตามขั้นตอนต่อไป
              “ประเทศไทยเติบโตอย่างยั่งยืนด้วยเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำและมีภูมิคุ้มกันต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศด้วยการมีส่วนร่วมของประชาชน”