วันจันทร์ที่ 22 กันยายน 2568 นายวัฒน์ ทาบึงกาฬ เลขานุการกรมนำคณะเจ้าหน้าที่ฯ สร้างจิตสำนึกสาธารณะ ร่วมบริจาคโลหิตจำนวน 25 คน ได้ปริมาณโลหิตรวม 11,250 ซีซี เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลและน้อมรำลึกแด่พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร


วันจันทร์ที่ 22 กันยายน 2568 นายวัฒน์ ทาบึงกาฬ เลขานุการกรมนำคณะเจ้าหน้าที่ฯ สร้างจิตสำนึกสาธารณะ ร่วมบริจาคโลหิตจำนวน 25 คน ได้ปริมาณโลหิตรวม 11,250 ซีซี เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลและน้อมรำลึกแด่พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร



เมื่อวันพุธที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2568 ที่ผ่านมา กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม โดยกองส่งเสริมการมีส่วนร่วมต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม จัดประชุมหารือการดำเนินงานของหน่วยงานรับดำเนินงานตรวจประเมินรับรอง G – Green ณ ห้องประชุมอารีย์สัมพันธ์ ชั้น 3 อาคารกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม โดยมีนายโกเมศ พุทธสอน รองอธิบดีกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม เป็นประธานการประชุม พร้อมด้วยนางสาวอุมา ศรีสุข ผู้อำนวยการกองส่งเสริมการมีส่วนร่วมต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม และผู้แทนจากหน่วยงานที่ขึ้นทะเบียนหน่วยงานรับดำเนินงานตรวจประเมินรับรอง G – Green ซึ่งปัจจุบันมีหน่วยงานได้รับการขึ้นทะเบียนแล้ว จำนวน 12 แห่ง เพื่อหารือซักซ้อมทำความเข้าใจเกี่ยวกับกรอบการดำเนินงานของหน่วยงานรับดำเนินงานตรวจประเมินรับรอง G – Green พร้อมทั้งนำเสนอความก้าวหน้าการดำเนินงานของหน่วยงานรับดำเนินงานแต่ละแห่งร่วมกัน ทั้งนี้ ได้มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและแผนการดำเนินงาน เพื่อเตรียมความพร้อมในการยกระดับสถานประกอบการ หรือหน่วยงานที่มีความประสงค์เข้าร่วมการตรวจประเมินรับรอง G – Green ให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและบรรลุวัตถุประสงค์
“ประเทศไทยเติบโตอย่างยั่งยืนด้วยเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำและมีภูมิคุ้มกันต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศด้วยการมีส่วนร่วมของประชาชน”







เมื่อวันจันทร์ ที่ 15 กันยายน 2568 ที่ผ่านมา นายปวิช เกศววงศ์ รองอธิบดีกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม เข้าร่วมปาฐกถาพิเศษในงานสัมมนาวิชาการ ประจำปี 2568 : Climate Change Forum 2025 “Driving Towards Net Zero” ในหัวข้อนโยบายสู่ความยั่งยืนและคาร์บอนเป็นศูนย์ ณ ห้องใบไม้และห้องปันสุข อาคารเอ็ม ทาวเวอร์ ชั้น 8 กรุงเทพฯ จัดโดย สถาบันการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เพื่อส่งเสริมความร่วมมือและการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ด้านนวัตกรรม เทคโนโลยี และแนวทางในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยมีผู้บริหารระดับสูงและผู้นำจากองค์กรต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนเข้าร่วมรับฟังจำนวน 450 คน นายปวิช เกศววงศ์ ได้กล่าวถึงวิกฤตผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและแนวโน้มการดำเนินงานระดับโลกด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การขับเคลื่อนการดำเนินงานของประเทศไทย อาทิ ยุทธศาสตร์ระยะยาวในการพัฒนาแบบปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่ำของประเทศ (Long-term Low Greenhouse Gas Emission Development Strategy หรือ LT-LEDS) การจัดทำเป้าหมายการมีส่วนร่วมที่ประเทศกำหนด ฉบับที่ 2 (National Determined Contribution หรือ NDC 3.0) ควบคู่ไปกับการดำเนินงานด้านการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และ (ร่าง) พระราชบัญญัติการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ พ.ศ. …. ที่จะช่วยในการบรรลุเป้าหมายความกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี พ.ศ.2593 (ค.ศ.2050) และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Greenhouse gas Emission) ภายในปี พ.ศ.2608 (ค.ศ.2065) เพื่อสร้างการเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบบเศรษฐกิจและสังคมแบบยั่งยืนและคาร์บอนเป็นศูนย์โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง
“ประเทศไทยเติบโตอย่างยั่งยืนด้วยเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำและมีภูมิคุ้มกันต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศด้วยการมีส่วนร่วมของประชาชน”






เมื่อวันที่ 16 กันยายน 2568 ที่ผ่านมา กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม โดย ดร.พิรุณ สัยยะสิทธิ์พานิช อธิบดีกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นคณะกรรมการบริหารองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก พร้อมด้วย ดร. กิตติศักดิ์ พฤกษ์กานนท์ ผู้อำนวยการกองยุทธศาสตร์และความร่วมมือระหว่างประเทศ กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม ได้เข้าร่วมประชุมหารือเพื่อแลกเปลี่ยนนโยบายระดับชาติด้านกลไก Carbon Pricing และแนวทาง Net zero Pathway ณ กระทรวงเศรษฐกิจ การค้าและอุตสาหกรรม (METI) สถาบันยุทธศาสตร์สิ่งแวดล้อมโลก (IGES) และกระทรวงสิ่งแวดล้อม (MOEJ) ประเทศญี่ปุ่น
รัฐบาลทั้งสองฝ่ายได้แลกเปลี่ยนข้อมูลแผนงาน Green Transformation (GX) ซึ่งเป็นการส่งเสริมการลงทุนเพื่อการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำของญี่ปุ่น รวมถึงกลไกการดำเนินงานตามข้อ 6 ของความตกลงปารีส (Article 6) ระหว่างกัน ตลอดจนให้มุมมองสนับสนุนการยกระดับคุณภาพคาร์บอนเครดิตของภูมิภาคอาเซียน ภายใต้โครงการ High-Integrity ASEAN Carbon Initiative (HACI) ที่ได้รับความเห็นชอบในระดับภูมิภาคเรียบร้อยแล้ว
ทั้งนี้ ผลจากการหารือจะสร้างเสริมความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ ที่จะนำไปสู่การพัฒนามาตรการและเครื่องมือส่งเสริมการลงทุนเพื่อลดก๊าซเรือนกระจกของทุกภาคส่วน เพื่อขับเคลื่อนเป้าหมาย Net Zero GHG Emissions ระดับโลกได้อย่างยั่งยืนต่อไป
“ประเทศไทยเติบโตอย่างยั่งยืนด้วยเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำและมีภูมิคุ้มกันต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศด้วยการมีส่วนร่วมของประชาชน”




