เดือน: พฤศจิกายน 2568
รมว.สุชาติ–กรมลดโลกร้อน จับมือ ปตท. ขับเคลื่อนเทคโนโลยี CCS และการเปลี่ยนผ่านพลังงานที่ยั่งยืน

เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2568 นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมด้วย ดร.พิรุณ สัยยะสิทธิ์พานิช อธิบดีกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม ให้การต้อนรับ ดร.บุรณิน รัตนสมบัติ และคณะผู้บริหารจากบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ในโอกาสเข้าหารือ ณ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อร่วมแลกเปลี่ยนแนวทางการขับเคลื่อนเทคโนโลยีการดักจับและกักเก็บคาร์บอนไดออกไซด์ (Carbon Capture and Storage: CCS) ในประเทศไทยการหารือครั้งนี้ให้ความสำคัญกับการจัดทำกฎหมายเฉพาะสำหรับการกำกับดูแลการดำเนินงานด้าน CCS ที่มีความชัดเจน ตลอดจนการพิจารณาแนวทางสนับสนุนการลงทุนที่เหมาะสม ทั้งในรูปแบบสิทธิประโยชน์ทางภาษีหรือกลไกจูงใจอื่น ๆ เพื่อส่งเสริมการพัฒนาโครงการ CCS ของภาคเอกชนอย่างเป็นรูปธรรม นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายยังได้หารือถึงการเตรียมความพร้อมด้านเทคโนโลยีเพื่อรองรับเป้าหมายการยุติการผลิตไฟฟ้าจากถ่านหินภายในปี พ.ศ. 2593 (ค.ศ. 2050) ให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ระยะยาวของประเทศไทยในการพัฒนาแบบปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่ำ (LT-LEDS) ทั้งนี้ การหารือในครั้งนี้นับเป็นก้าวสำคัญของความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนในการยกระดับศักยภาพของประเทศไทยในการลดก๊าซเรือนกระจก และขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำอย่างยั่งยืน
“ประเทศไทยเติบโตอย่างยั่งยืนด้วยเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำและมีภูมิคุ้มกันต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศด้วยการมีส่วนร่วมของประชาชน”




สุชาติ ชง ครม. ไฟเขียว! ไทยยกระดับ NDC 3.0 เร่งขับเคลื่อน Net Zero 2050 สู้โลกเดือด พลิกโอกาสเศรษฐกิจยั่งยืน

          นายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (รมว.ทส.) เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2568 มีมติเห็นชอบต่อร่างเป้าหมายการมีส่วนร่วมที่ประเทศกำหนด ฉบับที่ 2 (NDC 3.0) ซึ่งเป็นก้าวสำคัญในการเร่งเป้าหมาย Net Zero ให้เร็วขึ้น 15 ปี เพื่อให้สอดคล้องกับ 1.5 ºC Pathway ตามนโยบายของรัฐบาลข้อ 13 การผลักดันสังคมคาร์บอนต่ำ ที่นายกรัฐมนตรีอนุทิน ชาญวีรกูล แถลงต่อรัฐสภา โดยมุ่งลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในทุกภาคส่วนของเศรษฐกิจ (Economy-wide) ณ ปี ค.ศ. 2035 (พ.ศ. 2578) และเร่งเพิ่มเป้าหมายการดูดกลับก๊าซเรือนกระจกในภาคป่าไม้และการใช้ประโยชนที่ดิน (LULUCF) ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยมีระดับการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิ 152 MtCO2eq หรือลดลงร้อยละ 47 จากระดับการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในปี ค.ศ. 2019 รวมถึงได้จัดทำแผนการลงทุนเพื่อดึงเม็ดเงินจากต่างประเทศ 230,000 ล้านบาท ในการสนับสนุนไทยลดก๊าซเรือนกระจก 32.8 MtCO2eq ตามเงื่อนไขของความตกลงปารีส
          รมว.ทส. เน้นย้ำว่า การยกระดับเป้าหมาย NDC 3.0 เป็นการเร่งรัดการดำเนินงานตามข้อสั่งการของท่านนายกรัฐมนตรี นายอนุทิน ชาญวีรกูล เพื่อให้บรรลุตามนโยบายที่รัฐบาลได้แถลงไว้ต่อรัฐสภาโดยเร็ว ทั้งยัง จะเป็นโอกาสทางเศรษฐกิจครั้งใหญ่ที่จะช่วยให้ประเทศไทยมีแต้มต่อในเวทีโลก เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางการค้าระหว่างประเทศ มีศักยภาพดึงดูดการลงทุนสีเขียวและสร้างงานใหม่ ๆ ในภาคเศรษฐกิจที่กำลังเปลี่ยนผ่านไปสู่การพัฒนาแบบปล่อยคาร์บอนต่ำ โดยกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม (สส.) ได้จัดส่ง NDC 3.0 ในช่วงบ่ายของวันที่ 4 พฤศจิกายน 2568 ต่อ UNFCCC และจะนำเสนอต่อที่ประชุม COP 30 ณ เมืองเบเล็ง สหพันธ์สาธารณรัฐบราซิล เพื่อประกาศความมุ่งมั่นของไทยในเวทีโลกอย่างเป็นทางการ รวมถึงเร่งการจัดทำแผนปฏิบัติการ (Action Plan) ร่วมกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อแปลงเป้าหมายสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม พร้อมกับการเชื่อมโยงระบบติดตามผลแบบดิจิทัล (Digital Tracking) เพื่อให้การดำเนินงานมีความโปร่งใส รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพต่อไป
“ประเทศไทยเติบโตอย่างยั่งยืนด้วยเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำและมีภูมิคุ้มกันต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศด้วยการมีส่วนร่วมของประชาชน”
กรมลดโลกร้อน ร่วมโครงการ “สืบสานวัฒนธรรมไทย ร่วมใจลอยกระทง ประจำปี 2568”

เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2568 กรมลดโลกร้อน เข้าร่วม โครงการ “สืบสานวัฒนธรรมไทย ร่วมใจลอยกระทง ประจำปี 2568” ภายใต้แนวคิด “ลอยกระทง ไท ไทย คารวาลัย พระแม่ของแผ่นดิน” จัดขึ้นโดยกรมประชาสัมพันธ์ ระหว่างวันที่ 3 – 5 พฤศจิกายน 2568 ณ กรมประชาสัมพันธ์ เพื่อร่วมสืบสานประเพณีอันดีงามของไทย และส่งเสริมวัฒนธรรมไทย สร้างการกระจายรายได้ในชุมชนและเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน โดยรอบกรมประชาสัมพันธ์ พิธีเปิดงานครั้งนี้มี นางสาวศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน พร้อมด้วยคณะผู้บริหารส่วนราชการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ภาคีเครือข่าย ประชาชนทั่วไป และสื่อมวลชน ในการนี้ นายวัฒน์ ทาบึงกาฬ เลขานุการกรม นางสาวอุมา ศรีสุข ผู้อำนวยการกองส่งเสริมการมีส่วนร่วมต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม นางสาวนารีรัตน์ พันธุ์มณี ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม เข้าร่วมพิธีเปิดงานดังกล่าว และร่วมเดินรณรงค์สร้างความตระหนักรู้ในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการจัดการขยะและสิ่งแวดล้อม รวมทั้งเลือกใช้วัสดุทำกระทงที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพื่อลดการเกิดขยะในแหล่งน้ำ อันนำไปสู่การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของประเทศ
“ประเทศไทยเติบโตอย่างยั่งยืนด้วยเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำและมีภูมิคุ้มกันต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศด้วยการมีส่วนร่วมของประชาชน”





ทส. ถวายผ้าพระกฐินพระราชทาน ประจำปี 2568 ณ วัดอัมพวันเจติยาราม จ.สมุทรสงคราม

          วันที่ 2 พฤศจิกายน 2568 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานผ้าพระกฐินให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม น้อมนำไปถวายพระสงฆ์จำพรรษากาลถ้วนไตรมาส ณ วัดอัมพวันเจติยาราม อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม โดยมี นายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นประธานในพิธีถวายผ้าพระกฐินพระราชทาน ประจำปีพุทธศักราช 2568 พร้อมด้วย พล.ต.ต.นันทชาติ ศุภมงคล ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงฯ ดร.ชญานันท์ ภักดีจิตต์ ปลัดกระทรวงฯ ดร.พิรุณ สัยยะสิทธิ์พานิช อธิบดีกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม นายปวิช เกศววงศ์ และนายโกเมศ พุทธสอน รองอธิบดีกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ในสังกัดกระทรวงฯ และพุทธศาสนิกชนผู้มีจิตศรัทธาในพื้นที่จังหวัดสมุทรสงคราม เข้าร่วมพิธีอย่างพร้อมเพรียง
          ในการนี้ กระทรวงฯ ได้ถวายจตุปัจจัยและเครื่องไทยธรรม ทำนุบำรุงวัดอัมพวันเจติยาราม เพื่อบูรณะพระอาราม และสมทบเป็นทุนการศึกษาให้แก่ โรงเรียนอัมพวันวิทยาลัย และ โรงเรียนเทศบาล 3 วัดอัมพวันเจติยาราม รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 2,265,496 บาท (สองล้านสองแสนหกหมื่นห้าพันสี่ร้อยเก้าสิบหกบาทถ้วน) 
         โอกาสนี้ นายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรีฯ ยังได้สักการะ พระบรมราชาอนุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย (รัชกาลที่ 2) และปลูกต้นมะม่วงอกร่องเป็นที่ระลึก เพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียวและส่งเสริมการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ณ วัดอัมพวันเจติยาราม อีกด้วย และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมทรัพยากรน้ำบาดาล ยังได้นำน้ำดื่มบรรจุขวดจากแหล่งน้ำบาดาลธรรมชาติ มาบริการแจกจ่ายแก่ประชาชนและเจ้าหน้าที่ผู้มาร่วมพิธี รวมถึงกรมควบคุมมลพิษ ยังได้จัดตั้งจุดรณรงค์การคัดแยกขยะอย่างถูกวิธีภายในบริเวณงาน เพื่อส่งเสริมการคัดแยกขยะให้กับประชาชน ซึ่งการจัดงานในปีนี้ได้มีการคำนวณคาร์บอนเครดิตเพื่อนำมาชดเชยให้เป็นการจัดงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย
“ประเทศไทยเติบโตอย่างยั่งยืนด้วยเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำและมีภูมิคุ้มกันต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศด้วยการมีส่วนร่วมของประชาชน”








ทส. ร่วมพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรมพระบรมศพ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท พระบรมมหาราชวัง

          เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2568 เวลา 19.20 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงบำเพ็ญพระราชกุศลพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรมพระบรมศพ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท พระบรมมหาราชวัง
          ในโอกาสนี้ สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ มหาวชิโรตตมางกูร สิริวิบูลยราชกุมาร และเจ้าคุณพระสินีนาถ พิลาสกัลยาณี โดยเสด็จในการนี้ด้วย โดยมีท่านผู้หญิงพลอยไพลิน เจนเซน เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท พระบรมมหาราชวัง พร้อมกันนี้ ดร.พิรุณ สัยยะสิทธิ์พานิช อธิบดีกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม เป็นผู้แทนกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ร่วมงานพระราชพิธีฯ พร้อมผู้บริหารหน่วยงานราชการ ข้าราชการและประชาชนที่มาเฝ้าฯ รับเสด็จโดยพร้อมเพรียงกัน
“ประเทศไทยเติบโตอย่างยั่งยืนด้วยเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำและมีภูมิคุ้มกันต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศด้วยการมีส่วนร่วมของประชาชน”




กรมลดโลกร้อน ร่วมหารือแผนงานความร่วมมือกับ International Organization for Migration (IOM) Thailand

กรมลดโลกร้อน ร่วมหารือแผนงานความร่วมมือกับ International Organization for Migration (IOM) Thailand
          เมื่อวันศุกร์ที่ 31 ตุลาคม 2568 นายปวิช เกศววงศ์ รองอธิบดีกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม พร้อมด้วยนางสาวระเบียบ ภูผา ผู้อำนวยการกองขับเคลื่อนการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ นางรสริน อมรพิทักษ์พันธ์ ผู้อำนวยการกลุ่มพัฒนาแนวทางและศักยภาพในการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ผู้แทนจากกองยุทธศาสตร์และความร่วมมือระหว่างประเทศ และศูนย์วิจัยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม เข้าร่วมการประชุมหารือแผนงานความร่วมมือระหว่างกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม และ International Organization for Migration (IOM) Thailand ณ ห้องประชุมบัวหลวง (401) ชั้น 4 อาคารกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม โดยมี Ms. Michiko ITO, Chief of Mission ad interim และผู้แทนจาก IOM เข้าร่วมการหารือ
          การหารือครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อพิจารณาแผนงานความร่วมมือระหว่างกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม และ IOM รวมถึงแนวทางการดำเนินงานร่วมกันในระยะต่อไป โดยแผนงานความร่วมมือดังกล่าว ประกอบด้วย 1) การสร้างองค์ความรู้เกี่ยวกับการโยกย้ายถิ่นฐานที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ผ่านการวิจัยและระบบข้อมูล 2) การระดมทุนด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถในการปรับตัวและป้องกันการโยกย้ายถิ่นฐานที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ 3) การเสริมสร้างศักยภาพของหน่วยงาน และ 4) การบูรณาการประเด็นการโยกย้ายถิ่นฐานเข้าสู่นโยบายด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ รวมทั้งดัชนีความเสี่ยง Risk Index for Climate Displacement (RICD) และกองทุน Climate Catalytic Fund (CCF) เพื่อพัฒนาแนวคิดโครงการ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการดำเนินงานด้านการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยเฉพาะประเด็นการตั้งถิ่นฐานและความมั่นคงของมนุษย์และนำไปสู่การเสริมสร้างการปรับตัวภายใต้บริบทของการโยกย้ายถิ่นฐานที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของประเทศไทยต่อไป
“ประเทศไทยเติบโตอย่างยั่งยืนด้วยเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำและมีภูมิคุ้มกันต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศด้วยการมีส่วนร่วมของประชาชน”






