กรมลดโลกร้อน ร่วมกับ กรมยุโรป และ DG CLIMA จัดประชุมแลกเปลี่ยนประสบการณ์เกี่ยวกับระบบซื้อขายสิทธิการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (ETS)

      

   

          เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 68 ที่ผ่านมา ดร.พิรุณ สัยยะสิทธิ์พานิช อธิบดีกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม และนางสาวสมฤดี พู่พรอเนก รองอธิบดีกรมยุโรป ร่วมเป็นประธาน การประชุมเชิงปฏิบัติการแลกเปลี่ยนประสบการณ์เกี่ยวกับระบบซื้อขายสิทธิการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (ETS) โดยการสนับสนุนจากคณะกรรมาธิการยุโรปด้านการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Directorate-General for Climate Action: DG CLIMA) ซึ่งได้รับเกียรติจาก Mr. Renato Roldao (คุณเรนาโต โรลดาว) และ Ms. Irini Nikolaou (คุณอิรินี นิโคเลา) ร่วมบรรยายให้กับผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐ เอกชน สถาบันการศึกษา และองค์กรระหว่างประเทศ ประมาณ 90 คน ณ ห้องประชุมอารีย์สัมพันธ์ อาคาร สส.
          การประชุมในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการพัฒนาระบบ ETS ซึ่งเป็นหนึ่งในกลไกตลาดที่สำคัญในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก สนับสนุนการเปลี่ยนผ่านไปสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ และบรรลุเป้าหมายของประเทศไทย โดยกิจกรรมในวันนี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนความร่วมมือระหว่างประเทศไทยและสหภาพยุโรป เพื่อยกระดับการลดก๊าซเรือนกระจกและการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของประเทศไทย

“ประเทศไทยเติบโตอย่างยั่งยืนด้วยเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำและมีภูมิคุ้มกันต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศด้วยการมีส่วนร่วมของประชาชน”

กรมลดโลกร้อน เป็นเจ้าภาพจัดงาน Asia Climate Summit 2025 เร่งสร้างประเทศไทยเป็นศูนย์กลางตลาดคาร์บอนเครดิตระดับโลก

      

   

 

            เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2568 ที่ผ่านมา ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มอบหมายให้ นายอลงกรณ์ พลบุตร ประธานที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นประธานกล่าวเปิดงาน Asia Climate Summit 2025 พร้อมด้วย ดร.พิรุณ สัยยะสิทธิ์พานิช อธิบดีกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม นายปวิช เกศววงศ์ รองอธิบดีกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม ผู้บริหาร และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมงาน ณ โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล กรุงเทพฯ โดยกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม เป็นเจ้าภาพร่วมกับ International Emissions Trading Association (IETA) เพื่อเร่งยกระดับการดำเนินงานด้านคาร์บอนเครดิตระดับนานาชาติ ร่วมกับผู้เข้าร่วมการประชุมที่เป็นผู้เชี่ยวชาญ ผู้แทนหน่วยงานรัฐ ภาคธุรกิจ และภาคการเงินจากทั่วโลก กว่า 800 คน
ประธานที่ปรึกษา รมว.ทส. เน้นย้ำความสำคัญของการสร้างเสริมให้มีการขยายโอกาสทางการตลาด และความร่วมมือเพื่อพัฒนาตลาดคาร์บอนภาคสมัครใจ ควบคู่ไปกับการเสริมสร้างความร่วมมือภายใต้ข้อ 6.2 ของความตกลงปารีส ซึ่งประเทศไทยให้ความสำคัญกับกลไกการซื้อขายคาร์บอนเครดิตให้เป็นส่วนหนึ่งของการลดก๊าซเรือนกระจกและบรรลุเป้าหมาย NDC 3.0 ของประเทศตามหลักการสากล และมุ่งหวังให้เกิดประโยชน์ต่อสภาพเศรษฐกิจและสังคมในภาพรวมได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผ่านการยกระดับมาตรฐานคาร์บอนเครดิตของ Premium T-VER ในประเทศไทย เพื่อให้เชื่อมโยงกับมาตรฐานคาร์บอนเครดิตอิสระระหว่างประเทศ ซึ่งจะส่งผลให้เกิดความเชื่อมั่นสูงในการดำเนินงานของตลาดคาร์บอนในระดับภูมิภาคอาเซียน
               อีกทั้ง ได้มุ่งให้การบูรณาการแผนการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแห่งชาติไปสู่การจัดการระบบนิเวศของทางทะเลและชายฝั่งในลักษณะคาร์บอนสีน้ำเงิน (Blue Carbon) ซึ่งจะช่วยส่งเสริมความหลากหลายทางชีวภาพและความเป็นอยู่ในชุมชนให้ดียิ่งขึ้นควบคู่กันอีกด้วย ตลอดจนได้เน้นย้ำถึงโอกาสที่จะได้รับจาก พ.ร.บ. การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ที่จะเป็นเครื่องมือทางกฎหมายของกลไกราคาคาร์บอน สำหรับเชื่อมการดำเนินงานกับ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) เพื่อพัฒนาแพลตฟอร์มของตลาดซื้อ-ขายคาร์บอนที่จะเป็นปัจจัยดึงดูดการลงทุน ร่วมกับการจัดตั้งกองทุนการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศภายใต้กฎหมายเพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจสีเขียวและนำไปสู่ความยั่งยืนได้ในระยะยาว

               “ประเทศไทยเติบโตอย่างยั่งยืนด้วยเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำและมีภูมิคุ้มกันต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศด้วยการมีส่วนร่วมของประชาชน”

กรมลดโลกร้อน ร่วม MOU กับ 11 พันธมิตร ขับเคลื่อนเมืองสิ่งแวดล้อมยั่งยืน พร้อมรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในพื้นที่เมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ

เมื่อวันพุธที่ 9 กรกฎาคม 2568 ที่ผ่านมา กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม โดย นายโกเมศ พุทธสอน รองอธิบดีกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม เข้าร่วมพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจความร่วมมือ (MOU) เรื่อง การเชื่อมโยงประโยชน์การลงทุนสู่พื้นที่ชุมชนโดยรอบนิคมอุตสาหกรรม (EEC Connect) ระหว่างสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ร่วมกับหน่วยงานภาคีเครือข่าย 10 แห่ง ได้แก่ 1) กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม 2) สำนักงานพัฒนาที่ดินเขต 2 3) องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) 4) นิคมอุตสาหกรรมบลูเทค ซิตี้ 5) นิคมอุตสาหกรรมเอเพ็กซ์กรีนอินดัสเตรียลเอสเตท 6) นิคมอุตสาหกรรมทีเอฟดี 2 7) นิคมอุตสาหกรรมเวลโกรว์ บริษัท ทีพีเอ็น เฟล็กซ์แพค จำกัด 9) บริษัท โอกาส ดี เอสอี จำกัด และ 10) บริษัท ซี.เจ. เอ็กซ์เพรส กรุ๊ป จำกัด ณ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก อาคารโทรคมนาคมบางรัก ซึ่งกรมลดโลกร้อนจะให้การสนับสนุนการถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมและการเปลี่ยนแปลง​สภาพ​ภูมิอากาศ​ให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พร้อมทั้งส่งเสริมการมีส่วนร่วมระหว่างนิคมอุตสาหกรรม องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และชุมชนในพื้นที่เมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศรวมทั้งภาคีที่เกี่ยวข้องในการใช้ประโยชน์ทางทรัพยากรในพื้นที่ให้มีประสิทธิภาพ และการสร้างเครือข่ายความร่วมมือกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องสำหรับการเสริมศักยภาพในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศรอบนิคมอุตสาหกรรมใน EEC เพื่อยกระดับเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศพื้นที่นำร่องจังหวัดฉะเชิงเทราให้เกิดความยั่งยืน

          “ประเทศไทยเติบ โตอย่างยั่งยืนด้วยเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำและมีภูมิคุ้มกันต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศด้วยการมีส่วนร่วมของประชาชน”

ขอเชิญร่วมงานประชุมสัมมนาวิชาการและแสดงนวัตกรรมดิจิทัลเทคโนโลยี วันที่ 24 – 25 กันยายน 2568 ณ โรงแรมเดอะ เบอร์เคลีย์ ประตูน้ำ กรุงเทพฯ (ชั้น 11)

               กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสัง (MDES) และสมาคมผู้ใช้ดิจิทัลไทย (DUGA) เป็นเจ้าภาพร่วมในการจัดงาน Digital HR Forum, Healthcare Technology Summit, Big Data & Cloud Computing, และงาน Robotics Summit ซึ่งเป็นการจัดงานประชุมสัมมนาวิชาการและแสดงนวัตกรรมดิจิทัลเทคโนโลยี มีกำหนดจัดงานวันที่ 24 – 25 กันยายน 2568 ณ โรงแรมเดอะ เบอร์เคลีย์ ประตูน้ำ กรุงเทพฯ (ชั้น 11) โดยมีแนวคิดหลักดังนี้

  • Big Data & Cloud Computing (ครั้งที่ 7 ) งานสัมมนาวิชาการและแสดงนวัตกรรม ด้าน Big Data & Cloud ภายใต้แนวคิดหลัก Beyond Boundaries : Scaling with Big Data Analytics & Cloud
  • Digital HR Forum (ครั้งที่ 8) งานสัมมนาวิชาการและแสดงนวัตกรรมด้าน HR Transformation ภายใต้แนวคิดหลัก Unlock HR to Drive Business Performance in Any Context
  • Healthcare Technology Summit (ครั้งที่ 12) เป็นงานสัมมนาวิชาการและแสดงนวัตกรรมด้าน Healthcare ภายใต้แนวคิดหลัก Shaping Thailand’s Sustainable Health Together through Digital Health
  • Robotics Summit (ครั้งที่ 6) งานสัมมนาวิชาการและแสดงนวัตกรรมด้าน Robotics ภายใต้แนวคิดหลัก Advancing Robotics : Innovating Automation for Business Success
“ประเทศไทยเติบโตอย่างยั่งยืนด้วยเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำและมีภูมิคุ้มกันต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศด้วยการมีส่วนร่วมของประชาชน”

ดร.เฉลิมชัย ปิดหลักสูตร ปธส. 12 มุ่งสร้างผู้นำการเปลี่ยนแปลงเพื่อสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน ท่ามกลางวิกฤตโลกเดือด

               วันที่ 4 กรกฎาคม 2568 ณ โรงแรมอัศวิน แกรนด์ คอนเวนชั่น กรุงเทพมหานคร กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม จัดพิธีปิดการอบรม หลักสูตรประกาศนียบัตรธรรมาภิบาลสิ่งแวดล้อมสำหรับนักบริหารระดับสูง รุ่นที่ 12 (ปธส.12) และงาน IS Conference Day ภายใต้แนวคิด “Leading Forward: Transforming Business for a Resilient and Net-Zero Future” สะท้อนความร่วมมือในการขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมของประเทศ โดยได้รับเกียรติจาก ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รับข้อเสนอผลงานวิชาการหลักสูตร ปธส.12 พร้อมเป็นประธานในพิธีปิดการอบรม พร้อมด้วย ดร.พิรุณ สัยยะสิทธิ์พานิช อธิบดีกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม กล่าวรายงาน ซึ่ง รมว.ทส. หวังให้ ปธส. 12 เป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงในการขับเคลื่อนการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมของประเทศอย่างยั่งยืน และเท่าทันกับสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของโลก
               ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า หลักสูตร ปธส. มีบทบาทสำคัญในการยกระดับศักยภาพ ความรู้ ประสบการณ์และกระบวนทัศน์ของนักบริหารระดับสูงยุคใหม่ให้สามารถบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนแบบองค์รวมและบูรณาการ ตามหลักธรรมาภิบาล โดยเฉพาะในยุคที่ประเทศไทยและโลกกำลังเผชิญกับความท้าทายจากปัญหาสภาพภูมิอากาศที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น ทั้งนี้ เชื่อว่าทุกคนได้ตระหนักถึงปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่กำลังเป็นประเด็นระดับโลก ในฐานะประชากรของโลก เรามีหน้าที่ร่วมกันแก้ไขปัญหาที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้ ซึ่งมีความมั่นใจว่าตลอดระยะเวลา 4 เดือนของการอบรมฯ ปธส. 12 ได้เรียนรู้และแลกเปลี่ยนประสบการณ์อย่างเข้มข้น อันจะเป็นประโยชน์ในการกำหนดนโยบายและบริหารองค์กรอย่างมีธรรมาภิบาล
               “หวังเป็นอย่างยิ่งว่าผู้สำเร็จการอบรม ปธส. 12 จะเป็นต้นแบบของผู้นำที่มีวิสัยทัศน์ด้านสิ่งแวดล้อม โดยเริ่มต้นจากการเป็นปฏิบัติจริง และสามารถขยายผลสู่องค์กร หน่วยงาน และสังคมในวงกว้าง โดยยึดหลักความสมดุลระหว่างการอนุรักษ์ การพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม พร้อมทั้ง ขอบคุณทุกฝ่ายที่มีส่วนร่วมในการผลักดันให้การพัฒนางานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อมดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพ” ดร.เฉลิมชัย กล่าวทิ้งท้าย
นอกจากนี้ ภายในงานยังได้จัดให้มีเวทีเสวนาในหัวข้อ “New ERA of Climate Change Innovation and Technology” โดยผู้เชี่ยวชาญจากทั้งภาครัฐและเอกชนร่วมแลกเปลี่ยนความรู้ เกี่ยวกับนวัตกรรม เทคโนโลยี และแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน เพื่อการจัดการสิ่งแวดล้อมในยุคใหม่ สร้างความตระหนักและความเข้าใจในการนำเทคโนโลยีมาใช้เป็นเครื่องมือสำคัญในการรับมือกับวิกฤตสภาพภูมิอากาศได้ในอนาคต

“ประเทศไทยเติบโตอย่างยั่งยืนด้วยเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำและมีภูมิคุ้มกันต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศด้วยการมีส่วนร่วมของประชาชน”

กรมลดโลกร้อน ประชุมคณะอนุกรรมการฯ เตรียมจัด TCAC 2025 ขับเคลื่อนงาน Thailand climate action

               กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม จัดประชุมคณะอนุกรรมการเฉพาะกิจเตรียมการจัดการประชุมภาคีการขับเคลื่อนการปฏิบัติงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของไทย (Thailand Climate Action Conference) ครั้งที่ 1/2568 ในวันศุกร์ที่ 4 กรกฎาคม 2568 ณ ห้องประชุม ชั้น 17 กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และผ่านระบบการประชุมทางไกล (Video Conference) โดยมีนางอรนุช หล่อเพ็ญศรี รองปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นประธานการประชุม พร้อมด้วย ดร.พิรุณ สัยยะสิทธิ์พานิช อธิบดีกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม อนุกรรมการ นายโกเมศ พุทธสอน รองอธิบดีกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศและสิ่งแวดล้อม อนุกรรมการและเลขานุการ ผู้แทนหน่วยงานภาครัฐ และเครือข่ายภาคเอกชน ในฐานะคณะอนุกรรมการฯ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาและให้ข้อเสนอแนะต่อกรอบแนวทางการจัดการประชุมภาคีการขับเคลื่อนการปฏิบัติงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของไทย ครั้งที่ 4 (Thailand Climate Action Conference: TCAC 2025) ทั้งในด้านสารัตถะการประชุม การจัดนิทรรศการ และการประชาสัมพันธ์ ซึ่งงาน TCAC 2025 นี้ จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “จุดประกายความคิด ร่วมพลิกวิกฤตโลกเดือด (Inspiring Climate Solution for All)” โดยมีกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 29 – 30 กันยายน 2568 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ กรุงเทพมหานคร

“ประเทศไทยเติบโตอย่างยั่งยืนด้วยเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำและมีภูมิคุ้มกันต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศด้วยการมีส่วนร่วมของประชาชน”

กรมลดโลกร้อน จัดประชุมเชิงปฏิบัติการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการด้านการลดก๊าซเรือนกระจก (ระยะที่ 1 : 2568 – 2570) ครั้งที่ 2 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

               วันศุกร์ที่ 4 กรกฎาคม 2568 นายปวิช เกศววงศ์ รองอธิบดีกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม เป็นประธานเปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการด้านการลดก๊าซเรือนกระจก (ระยะที่ 1 : 2568 – 2570) ครั้งที่ 2 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ณ ห้องแคนแก่นคูณ ชั้น 2 โรงแรมเลอ แคสเซีย อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น เพื่อสร้างการรับรู้ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในระดับภูมิภาค เข้าใจถึงบทบาท หน้าที่ และความร่วมมือของหน่วยงานตน ในการดำเนินมาตรการลดก๊าซเรือนกระจกต่าง ๆ เพื่อบรรลุเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง ร้อยละ 30 – 40 จากกรณีปกติ ภายในปี พ.ศ. 2573 ภายใต้แผนปฏิบัติการด้านการลดก๊าซเรือนกระจกปี พ.ศ. 2564 – 2573 กับแผนลดก๊าซเรือนกระจกระดับจังหวัด และแผนลดก๊าซเรือนกระจกในสาขาต่าง ๆ ได้แก่ สาขาพลังงาน คมนาคมขนส่ง กระบวนการทางอุตสาหกรรมและการใช้ผลิตภัณฑ์การจัดการของเสียชุมชนและน้ำเสียอุตสาหกรรม และเกษตร เพื่อเป็นแนวทางในการขับเคลื่อนการดำเนินงานในการลดก๊าซเรือนกระจกระดับจังหวัด ผ่านการวิเคราะห์ความสอดคล้องของแผน การแลกเปลี่ยนประสบการณ์การดำเนินงานของจังหวัดในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และการรับฟังข้อเสนอแนะต่อ (ร่าง) กรอบแนวทางในการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการด้านการลดก๊าซเรือนกระจกของประเทศและระดับจังหวัด โดยมีกลุ่มเป้าหมายจากหน่วยงานในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จำนวน 21 จังหวัด ประกอบด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้ง 5 สาขาในระดับพื้นที่ (ทั้งหน่วยงานรับผิดชอบหลัก และหน่วยงานสนับสนุน) สถาบันการศึกษา ภาคเอกชน รวมถึงผู้ที่สนใจจากภาคส่วนต่าง ๆ เข้าร่วมการประชุมในครั้งนี้

“ประเทศไทยเติบโตอย่างยั่งยืนด้วยเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำและมีภูมิคุ้มกันต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศด้วยการมีส่วนร่วมของประชาชน”

Early Warning for All “ระบบเตือนภัยล่วงหน้าสำหรับทุกคน”

          “ระบบเตือนภัยล่วงหน้าสำหรับทุกคน” ริเริ่มโดยองค์การสหประชาชาติ เมื่อปี ค.ศ. 2022 มีเป้าหมายให้ประชากรโลกได้รับการปกป้องจากภัยที่เกี่ยวข้องกับสภาพอากาศ น้ำ หรือสภาพภูมิอากาศ ผ่านระบบเตือนภัยภัยพิบัติทุกรูปแบบ (Multi-Hazard Early Warning Systems: MHEWS) ภายในสิ้นปี ค.ศ. 2027 ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายด้านการปรับตัวระดับโลก (Global Goal on Adaptation: GGA)
        ระบบเตือนภัยภัยพิบัติทุกรูปแบบเป็นระบบที่บูรณาการการแจ้งเตือนล่วงหน้าเกี่ยวกับเหตุการณ์สภาพอากาศหรือภูมิอากาศที่อาจเป็นอันตราย พร้อมทั้งให้ข้อมูลแนวทางปฏิบัติแก่รัฐบาล ชุมชน และประชาชน เพื่อบรรเทาผลกระทบ ประกอบด้วยองค์ประกอบสำคัญ 4 เสาหลัก ได้แก่

Figure 1. Graphical presentation of a Multi-Hazard Early Warning System (MHEWS)

  • เสาหลักที่ 1:ความรู้และการจัดการความเสี่ยงจากภัยพิบัติ
    (ดำเนินการโดย  United Nations Office for Disaster Risk Reduction :UNDRR)
    ข้อมูลความเสี่ยงที่ครบถ้วนและถูกต้อง เป็นพื้นฐานสำคัญของระบบเตือนภัยล่วงหน้าที่มีประสิทธิภาพ จำเป็นต้องอาศัยความเข้าใจเชิงลึกในระดับพื้นที่ที่เกี่ยวกับภัยพิบัติ ความเปราะบาง ความเป็นอยู่
    ของประชาชน โครงสร้างทางสังคม และบริบทเฉพาะถิ่น เพื่อประเมินความเสี่ยงได้อย่างแม่นยำ
    และวางแผนการรับมือได้อย่างเหมาะสม
  • เสาหลักที่ 2:การตรวจวัด การสังเกต การเฝ้าติดตาม การวิเคราะห์ และการพยากรณ์
    (ดำเนินการโดย World Meteorological Organization: WMO)
    ระบบเตือนภัยล่วงหน้าจำเป็นต้องอาศัยข้อมูลจากการสังเกตทั้งบนพื้นดินและดาวเทียม
    มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างประเทศอย่างเสรี เพื่อนำไปสู่การสร้างแบบจำลองและการพยากรณ์
    ที่แม่นยำด้วยซูเปอร์คอมพิวเตอร์
  • เสาหลักที่ 3:การเผยแพร่และการสื่อสารเกี่ยวกับการเตือนภัย
    (ดำเนินการโดย International Telecommunication Union: ITU)
    ประชาชนต้องได้รับการเตือนภัยล่วงหน้าก่อนเกิดภัย ผ่านช่องทางที่เหมาะสม เชื่อถือได้ เข้าใจง่าย และทันเวลา กระบวนการออกแบบการสื่อสารต้องคำนึงถึงกลุ่มเปราะบาง เช่น ผู้หญิง เด็ก คนพิการ และชนพื้นเมือง เพื่อให้ทุกคนสามารถรับมือกับภัยพิบัติได้อย่างเท่าเทียม
  • เสาหลักที่ 4:ความพร้อมและความสามารถในการตอบสนอง
    (ดำเนินการโดย International Federation of Red Cross and Red Crescent Societies: IFRC)
    การเตรียมความพร้อมเป็นหัวใจสำคัญของการลดผลกระทบจากภัยพิบัติ ต้องสามารถตอบสนอง
    ต่อภัยได้ทันที แม้เหตุการณ์จะยังไม่เกิดขึ้นจริง แผนการเตรียมความพร้อมควรมีความชัดเจน
    ได้รับการฝึกซ้อมและปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง พร้อมคำนึงถึงปัจจัยเสี่ยงที่เปลี่ยนแปลง
    เช่น สภาพภูมิอากาศ เป็นต้น และให้ความสำคัญกับการช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางเป็นลำดับแรก

ที่มา :World Meteorological Organization (WMO), “Early Warnings for All: Executive Action Plan 2023-2027 (The UN Global Early Warning Initiative for the Implementation of Climate Adaptation)”, 2022. Available at https://library.wmo.int/index.php?lvl=notice_display&id=22154#.Y_qoaHbP3IW

ESCAP, U., & Warning, R. I. M. H. E. (2023). Compendium of multi-hazard early warning cooperation. Available at https://hdl.handle.net/20.500.12870/5683

เรียบเรียงบทความโดย :นางสาวสุชาดา ขำวรพันธ์

Climate Change A-Z Challenge | Habitat Degradation : การเสื่อมสภาพของถิ่นฐานที่อยู่อาศัย

Habitat Degradation : การเสื่อมสภาพของถิ่นฐานที่อยู่อาศัย
               “บ้านของสัตว์…กำลังพัง! 🏠💔 รู้จัก ‘การเสื่อมสภาพของถิ่นที่อยู่อาศัย’ ภัยเงียบที่คุกคามชีวิต” ลองนึกภาพว่า…ถ้าบ้านของคุณค่อยๆ เปลี่ยนไป จากที่เคยมีอากาศบริสุทธิ์ มีน้ำสะอาด มีอาหารอุดมสมบูรณ์ กลายเป็นอากาศเสีย น้ำเน่าเสีย อาหารหายาก คุณจะอยู่ได้ไหม?
               สัตว์ต่างๆ ก็เหมือนกัน! “การเสื่อมสภาพของถิ่นที่อยู่อาศัย” หมายถึง การที่ “บ้าน” ตามธรรมชาติของพวกมันแย่ลงเรื่อยๆ จนอาจอยู่ไม่ได้อีกต่อไป

อะไรคือสาเหตุ?
(index pointing right) การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ: โลกร้อนขึ้น ทำให้เกิด
               • อุณหภูมิที่สูงขึ้น: ส่งผลกระทบโดยตรงต่อระบบนิเวศ ทำให้สิ่งมีชีวิตต้องอพยพหรือตาย
               • น้ำแข็งละลายและระดับน้ำทะเลสูงขึ้น: พื้นที่ชายฝั่งและระบบนิเวศ เช่น ป่าชายเลน แนวปะการัง ถูกน้ำท่วมหรือกัดเซาะจนเสียหาย
               • ภัยพิบัติทางธรรมชาติรุนแรงขึ้น: เช่น ภัยแล้ง น้ำท่วม พายุ หรือไฟป่า ที่ทำลายถิ่นที่อยู่อาศัยเป็นวงกว้าง
               • ความเป็นกรดของมหาสมุทร: ทำลายสิ่งมีชีวิตใต้ทะเล โดยเฉพาะปะการัง
(index pointing right) กิจกรรมของมนุษย์ : การบุกรุกและทำลายพื้นที่ธรรมชาติ/การขยายตัวของเมืองและการก่อสร้าง/มลภาวะและสารเคมี

ผลที่ตามมา…หายนะ!
               บ้านหาย : สัตว์ไม่มีที่อยู่
               สัตว์ตาย : สูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ
               ระบบนิเวศพัง : ห่วงโซ่อาหารเสียสมดุล ทุกชีวิตเดือดร้อน

ตัวอย่างใกล้ตัว:
               ป่าถูกทำลาย → สัตว์ป่าไม่มีที่อยู่ → ลงมาหากินในเมือง
               ทะเลปนเปื้อน → สัตว์ทะเลกินสารพิษ → เรากินสัตว์ทะเลก็รับสารพิษไปด้วย
อย่าคิดว่าเป็นเรื่องไกลตัว! ถ้าเราไม่ช่วยกันดูแล “บ้าน” ของสัตว์ต่างๆ วันหนึ่งโลกของเราอาจไม่มีสัตว์ป่าให้เห็นอีกเลย…ภายใน 50 ปีข้างหน้า!

“ประเทศไทยเติบโตอย่างยั่งยืนด้วยเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำและมีภูมิคุ้มกันต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศด้วยการมีส่วนร่วมของประชาชน”

แหล่งที่มา :
– National Geographic., The Global Impacts of Habitat Destruction.
– Earth Times, Michael Evans, Habitat Loss and Degradation.