กรมลดโลกร้อน ร่วมบรรยาย “Climate Change Policy Towards Net Zero” ในหลักสูตร วพม. รุ่นที่ 11

               เมื่อวันอังคารที่ 1 กรกฎาคม 2568 ที่ผ่านมา นายปวิช เกศววงศ์ รองอธิบดีกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม ให้เกียรติเป็นวิทยากรบรรยายในหัวข้อ “Climate Change Policy Towards Net Zero” ในหลักสูตรด้านวิทยาการพลังงานสำหรับนักบริหารรุ่นใหม่ รุ่นที่ 11 (วพม.11) ณ ห้อง Synergy Hall ชั้น 6 อาคาร C ศูนย์เอ็นเนอร์ยี่คอมเพล็กซ์ โดยนายปวิช เกศววงศ์ ได้บรรยายเกี่ยวกับ สถานการณ์ปัจจุบันและแนวโน้มการดำเนินงานระดับโลก ยุทธศาสตร์และทิศทางนโยบายของประเทศไทยต่อการพัฒนาที่ยั่งยืน การรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Action) การผลักดันการดำเนินงานเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ทั้งในด้านการลดก๊าซเรือนกระจก (Mitigation) และการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Adaptation) เช่น (ร่าง) พ.ร.บ. การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ พ.ศ… แผนปฏิบัติการด้านการลดก๊าซเรือนกระจกของประเทศ ปี พ.ศ. 2564 – 2573 แผนการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแห่งชาติ และผลกระทบของประเทศไทยจากการปรับนโยบายของสหรัฐอเมริกา
               ทั้งนี้ หลักสูตร วพม.11 จัดโดยสถาบันวิทยาการพลังงาน (Thailand Energy Academy) มุ่งเน้นการสร้างความรู้ความเข้าใจในเรื่องพลังงาน ความจำเป็นของพลังงานขั้นพื้นฐาน ตลอดจนการขับเคลื่อนภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมของประเทศ ที่คำนึงถึงการพัฒนาทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และการรับมือต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่จะเกิดขึ้นในอนาคต โดยมีนักบริหารและผู้นำรุ่นใหม่จากองค์กรต่างๆ ทั้งภาครัฐ เอกชน สื่อมวลชน นักวิชาการ และประชาชน เข้าร่วมการอบรม

“ประเทศไทยเติบโตอย่างยั่งยืนด้วยเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำและมีภูมิคุ้มกันต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศด้วยการมีส่วนร่วมของประชาชน”

“ความมั่นคงทางอาหาร” โจทย์ท้าทาย รับมือโลกเดือด

               วิกฤตสภาพภูมิอากาศยังคงเป็นภัยคุกคามสำคัญต่อระบบอาหารของโลก ล่าสุดจากงานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร Nature Food (2024) ได้ศึกษาการผลิตพืชอาหารหลัก 6 ชนิด ได้แก่ ข้าวโพด ข้าว ถั่วเหลือง ข้าวสาลี มันสำปะหลัง และข้าวฟ่าง พบว่า ผลผลิตของพืชเหล่านี้มีแนวโน้มลดลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะสถานการณ์ที่อุณหภูมิเฉลี่ยผิวโลกเพิ่มสูงขึ้น ในทุก ๆ การเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิโลก 1 องศาเซลเซียส อาจทำให้ผลผลิตอาหารลดลงถึง 120 แคลอรีต่อคนต่อวัน หรือคิดเป็น 4.4% ของการบริโภคที่แนะนำในแต่ละวัน เทียบเท่ากับ การไม่ได้กินอาหารเช้า สำหรับประชากรโลกโดยเฉลี่ย
               ทั้งนี้ ทีมวิจัยได้รวบรวมข้อมูลจาก 12,658 พื้นที่ใน 54 ประเทศ เพื่อประเมินการปรับตัวของผู้ผลิตอาหารต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และจำลองผลกระทบในอนาคตเทียบกับสถานการณ์ที่โลกร้อนขึ้นกับกรณีที่อุณหภูมิคงที่ตั้งแต่ต้นทศวรรษ 2000
               ในกรณีสถานการณ์ที่โลกร้อนมากสุด มีการคาดว่า ภายในปี 2100 ผลผลิตถั่วเหลืองจะลดลงถึง 26% ส่วนในสถานการณ์ที่ใกล้เคียงกับนโยบายปัจจุบัน คาดว่า ถั่วเหลืองอาจลดลง 16% ข้าวสาลีลดลง 7.7% ข้าวโพดลดลง 8.3% ส่วนข้าวจะเป็นพืชเดียวที่คาดว่าจะมีผลผลิตเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ขณะเดียวกันในปี 2100 ประชากรโลกอาจจะเพิ่มจาก 8 พันล้านคน เป็น 10 พันล้านคน ทำให้ความต้องการอาหารเพิ่มสวนทางกับผลผลิตที่ลดลง โดยเฉพาะภูมิภาคที่เป็นแหล่งผลิตอาหารหลักของโลก จะได้รับผลกระทบมากที่สุด ขณะที่ประเทศยากจนประสบปัญหาในการเข้าถึงอาหารมากขึ้น
               นอกจากนี้ รายงาน Global Report on Food Crises 2025 ยังได้ระบุว่า ประชากรโลกกว่า 295 ล้านคน ต้องเผชิญกับภาวะหิวโหยขั้นรุนแรงในปีที่ผ่านมา และนับปีที่ 6 ติดต่อกัน ที่มีสาเหตุหลักมาจากความขัดแย้งและความรุนแรง การพลัดถิ่นจากภัยพิบัติ รวมถึงความแปรปรวนของสภาพอากาศที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น ล้วนส่งผลให้ ผลผลิตทางการเกษตรเสียหาย ความมั่นคงทางอาหารสั่นคลอน และห่วงโซ่อุปทานทั่วโลกหยุดชะงัก
               ทางออกที่ต้องเร่งดำเนินการ เพื่อรับมือกับวิกฤตความมั่นคงทางอาหารที่กำลังทวีความรุนแรง จึงจำเป็นต้องเร่งดำเนินการในหลายด้าน เช่น การวางแผนเชิงระบบในระยะยาว การส่งเสริมเทคโนโลยีการเกษตรที่เหมาะสม การสนับสนุนเกษตรกรให้ปรับตัวได้จริง การวิจัยและพัฒนาพันธุ์พืชที่ทนทานต่อสภาพอากาศ การบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืน การให้การสนับสนุนด้านการเงินและการลงทุนในระบบอาหาร และที่สำคัญ คือ การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างจริงจัง เพื่อชะลอความรุนแรงของการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ และรักษาความมั่นคงทางอาหารของโลกในระยะยาวไว้ได้อย่างยั่งยืน

“ประเทศไทยเติบโตอย่างยั่งยืนด้วยเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำและมีภูมิคุ้มกันต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศด้วยการมีส่วนร่วมของประชาชน”

แหล่งที่มา :
(1) The Guardian. (2025, June 18). Climate crisis could hit yields of key crops even if farmers adapt.
(2) Nature Food. (2024). Climate impacts on global crop yields. Nature Food.
(3) Global Report on Food Crises 2025.

ประกาศผลผู้ชนะการจัดซื้อจัดจ้างหรือผู้ได้รับการคัดเลือก และสาระสำคัญของสัญญาหรือข้อตกลงเป็นหนังสือ ประจำไตรมาศที่ 3 (เดือน เมษายน พ.ศ.2568 ถึงเดือน มิถุนายน พ.ศ.2568)

กรมลดโลกร้อน รับการตรวจราชการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568

               เมื่อวันจันทร์ที่ 30 มิถุนายน 2568 ที่ผ่านมา นายวันชัย จริยาเศรษฐโชค หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กองตรวจราชการ สป.ทส. ได้เข้าตรวจราชการกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม ตามแผนการตรวจราชการ ทส. ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ณ ห้องประชุมกรรณิการ์ – ราชาวดี เพื่อตรวจติดตามความก้าวหน้าผลการดำเนินงานและการใช้จ่ายงบประมาณโครงการสำคัญของหน่วยงาน และประเด็นข้อสั่งการของผู้บริหารกระทรวงฯ พร้อมทั้งปัญหา อุปสรรคการดำเนินงานในภาพรวม โดยมี ดร. พิรุณ สัยยะสิทธิ์พานิช อธิบดีกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม นายปวิช เกศววงศ์ และนายโกเมศ พุทธสอน รองอธิบดีกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม ให้การต้อนรับและร่วมประชุมฯ พร้อมด้วยผู้เชี่ยวชาญ ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ข้อมูลความก้าวหน้าผลการดำเนินงาน และรับฟังข้อเสนอแนะจากผู้ตรวจราชการฯ สำหรับปรับปรุงการดำเนินงานต่อไป อาทิ การเร่งรัดการดำเนินงานและการเบิกจ่ายงบประมาณภาพรวมให้เป็นไปตามแผน การเร่งขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของประเทศโดยมีการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีมาช่วยจัดการ เช่น การจัดเก็บ วิเคราะห์ข้อมูลก๊าซเรือนกระจก และข้อมูลการดูดกลับก๊าซเรือนกระจกในสาขาป่าไม้ เป็นต้น การขับเคลื่อนการดำเนินงานผ่านกลไก กนภ. เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีส่วนร่วมในการดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรม และการเร่งสร้างความรู้ความเข้าใจให้กับทุกภาคส่วนและประชาชนเพื่อให้เกิดความตระหนักและมีส่วนร่วมดำเนินการด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ รวมทั้ง การจัดหางบประมาณสนับสนุนการดำเนินงานจากแหล่งทุนทั้งในและต่างประเทศ เป็นต้น

“ประเทศไทยเติบโตอย่างยั่งยืนด้วยเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำและมีภูมิคุ้มกันต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศด้วยการมีส่วนร่วมของประชาชน”

กรมลดโลกร้อน ร่วมกับ ครีเอจี้ จัดเวทีแลกเปลี่ยนความคิดเห็นการขอรับการสนับสนุนทางการเงินด้านการปรับตัวฯ

               วันที่ 1 กรกฎาคม 2568 กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม ร่วมกับบริษัท เดอะ ครีเอจี้ จำกัด จัดเวทีแลกเปลี่ยนความคิดเห็นผลการสังเคราะห์ประเด็นช่องว่างและความต้องการสำหรับการขอรับการสนับสนุนทางการเงินด้านการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ณ ห้องพระวิษณุ ชั้น 3 โรงแรมอัศวิน แกรนด์ คอนเวนชั่น กรุงเทพมหานคร โดยได้รับเกียรติจากนายปวิช เกศววงศ์ รองอธิบดีกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม เป็นประธานกล่าวเปิดและเข้าร่วมการประชุม
               การจัดเวทีแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในครั้งนี้ มีผู้เเทนจากหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และสถาบันทางการเงิน เข้าร่วมทั้งในสถานที่และผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ มากกว่า 120 คน โดยได้ร่วมกันแลกเปลี่ยนความคิดเห็นต่อผลการสังเคราะห์ในประเด็นช่องว่างและความต้องการทั้ง 4 มิติ ได้แก่ 1) ด้านข้อมูล 2) ด้านเทคนิค ด้านสถาบัน นโยบาย และกลไกการประสานงาน และ 4) ด้านการเงินและทรัพยากร โดยข้อเสนอแนะที่ได้รับจะนำไปจัดทำข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย และคู่มือแนวทางการเข้าถึงแหล่งงบประมาณด้านการปรับตัวฯ ที่มีความเหมาะสม และสามารถดำเนินงานที่เป็นรูปธรรมต่อไป

“ประเทศไทยเติบโตอย่างยั่งยืนด้วยเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำและมีภูมิคุ้มกันต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศด้วยการมีส่วนร่วมของประชาชน”

ประกาศคณะกรรมการอำนวยการอาสาสมัครพิทักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหมู่บ้าน เรื่อง หลักเกณฑ์ และวิธีการคัดเลือกผู้แทนเครือข่าย ทสม. เพื่อปฏิบัติหน้าที่กรรมการอำนวยการ ทสม. พ.ศ. 2568