
เดือน: ธันวาคม 2568
ประกาศเผยแพร่แผนการจัดซื้อจัดจ้างประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 (กองส่งเสริมการมีส่วนร่วมต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม จำนวน 1 รายการ)
สส. จัดโครงการเรียนรู้เครือข่ายรักษ์สิ่งแวดล้อม ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
กลุ่มงานจริยธรรม จัดโครงการเรียนรู้เครือข่ายรักษ์สิ่งแวดล้อม ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เมื่อวันศุกร์ที่ 28 พฤศจิกายน 2568 ณ ศูนย์เรียนรู้ชุมชนปลอดขยะ (Zero Waste) บ้านจุลินทรีย์บ้านนี้มีรัก ตำบลบางสีทอง อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี โดย นายวัฒน์ ทาบึงกาฬ เลขานุการกรม นำคณะผู้บริหาร ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ เข้าร่วมฝึกอบรมและศึกษาดูงานเครือข่ายรักษ์สิ่งแวดล้อม เรื่อง “แนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงกับการจัดการขยะในครัวเรือน” พร้อมฝึกปฏิบัติฐานเรียนรู้ จำนวน 2 ฐาน มีผู้เข้าร่วมจำนวน 57 คน

ข้อมูลสาระสำคัญในสัญญา (ใบสั่งซื้อ กจธ.1/2569) ซื้อวัสดุสำนักงานฯ (บริษัท พีทวินพลัส จำกัด) โดยวิธีเฉพาะเจาะจง
ข้อมูลสาระสำคัญในสัญญา (ใบสั่งซื้อ กกม.1/2569) ซื้อวัสดุสำนักงานฯ (บริษัท พีทวินพลัส จำกัด) โดยวิธีเฉพาะเจาะจง
กรมลดโลกร้อน – ก.ล.ต. – ตลาดหลักทรัพย์ฯ ร่วมหารือแนวทางซื้อขายสิทธิการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Allowance) ภายใต้ร่าง พ.ร.บ.การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2568 ที่ผ่านมา ดร.พิรุณ สัยยะสิทธิ์พานิช อธิบดีกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม นางพรอนงค์ บุษราตระกูล เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) นายอัสเดช คงสิริ กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ต.ล.ท.) ร่วมประชุมหารือแนวทางพัฒนาและกำกับกลไกการซื้อขายสิทธิการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Allowance) ภายใต้ร่าง พ.ร.บ.การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ พ.ศ. …. พร้อมผู้แทนส่วนงานที่เกี่ยวข้องและบริษัท เดอะ ครีเอจี้ (ที่ปรึกษา)
ที่ประชุมร่วมหารือในประเด็นสำคัญได้แก่ การพัฒนาและกำกับกลไกการซื้อขายสิทธิการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เพื่อให้สอดคล้องกับระบบการซื้อขายสิทธิในการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (ETS) ในร่างกฎหมาย พ.ร.บ. การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ พ.ศ. …. รูปแบบการซื้อขายสิทธิที่เหมาะสมรวมถึงการแลกเปลี่ยนมุมมองและประเด็นที่ต้องศึกษาเพิ่มเติม เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการเดินหน้า ETS ระยะทดลอง (Pilot Phase) ในปี 2029 – 2030 และ ระยะที่ 1 (1st Phase) ในปี 2031–2035 โดยจะร่วมกันพัฒนากรอบกฎหมาย กลไกกำกับดูแลระบบซื้อขายสิทธิ การวางรากฐานตลาดคาร์บอนภาคบังคับของประเทศ ยกระดับระบบ ETS ของไทยให้มีประสิทธิภาพ โปร่งใส และรองรับการพัฒนาเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำในระยะยาว
“ประเทศไทยเติบโตอย่างยั่งยืนด้วยเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำและมีภูมิคุ้มกันต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศด้วยการมีส่วนร่วมของประชาชน”




กรมลดโลกร้อน ร่วมบรรยายในหัวข้อ “บริบทและการพัฒนาด้านสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติของไทย” ในหลักสูตรการป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) รุ่นที่ 68

เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2568 ที่ผ่านมา ดร.พิรุณ สัยยะสิทธิ์พานิช อธิบดีกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม ให้เกียรติเป็นวิทยากรบรรยายในหัวข้อ “บริบทและการพัฒนาด้านสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติของไทย” ร่วมกับ ดร.ชญาน์ จันทวสุ (วปอ. 68) รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลยุทธ์องค์กร บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ในหลักสูตรการป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) รุ่นที่ 68 ณ วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร กรุงเทพฯ
ดร.พิรุณ ได้กล่าวถึงภาพรวมสถานการณ์และแนวโน้มการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของโลก พร้อมชี้ให้เห็นถึงความเร่งด่วนของวิกฤตภูมิอากาศ และความเปราะบางของประเทศไทยต่อเหตุการณ์สภาพอากาศสุดขั้ว และสรุปประเด็นสำคัญจากการประชุม COP 30 อาทิ การจัดส่งเป้าหมาย NDC 3.0 ตัวชี้วัด ภายใต้เป้าหมายการปรับตัวระดับโลก (GGA) กลไกการเปลี่ยนผ่านที่เป็นธรรม (Just Transition) และทิศทางการขับเคลื่อน Roadmap ด้านการเงินภูมิอากาศ พร้อมกล่าวถึงความคืบหน้าของ (ร่าง) พระราชบัญญัติการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ พ.ศ. …. ซึ่งจะเป็นกลไกหลักในการยกระดับการดำเนินงานด้านสภาพภูมิอากาศของประเทศ เพื่อก้าวสู่การพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมคาร์บอนต่ำที่ยั่งยืน โดยยึดหลัก “ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง”
“ประเทศไทยเติบโตอย่างยั่งยืนด้วยเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำและมีภูมิคุ้มกันต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศด้วยการมีส่วนร่วมของประชาชน”





สุชาติ ชง ครม. ไฟเขียว ร่าง กฎหมายโลกร้อน ยกระดับประเทศไทยสร้างเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ เสริมภูมิคุ้มกันรับมือโลกเดือดอย่างยั่งยืน

นายสุชาติ กล่าวต่อว่า ร่างพระราชบัญญัติฯ มีบทบัญญัติ 14 หมวด 205 มาตรา และบทเฉพาะกาลซึ่งต้องเร่งรัดการดำเนินงานตามข้อสั่งการและนโยบายรัฐบาลของ นายกรัฐมนตรี นายอนุทิน ชาญวีรกูล โดยจะเร่งผลักดันกฎหมายเพื่อจัดการปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศให้มีผลบังคับใช้โดยเร็ว เพื่อให้ไทยมีเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจกและการปรับตัวต่อผลกระทบจากสภาพอากาศที่รุนแรงโดยประชาชนและภาคเอกชนจะมีส่วนร่วมกำหนดนโยบายและแผน ขับเคลื่อนการดำเนินงาน ตลอดจนนำกลไกราคาคาร์บอน ทั้งการจัดสรรสิทธิการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (ETS) การปรับราคาคาร์บอนข้ามพรมแดน หรือ CBAM ภาษีคาร์บอน และคาร์บอนเครดิต มาใช้อย่างสมดุล รวมถึงการเร่งสนับสนุนทางการเงินผ่านกองทุนภูมิอากาศ เพื่อให้เกิดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจสำหรับการลงทุนทั้งจากภาครัฐและเอกชนเพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและลดผลกระทบจากความสูญเสียและเสียหายในภาพรวม รวมทั้งสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านระบบเศรษฐกิจให้มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกระดับต่ำจนมีความสามารถแข่งขันทางการค้าในระดับนานาชาติได้
ทั้งนี้ ร่างพระราชบัญญัติฯ ได้ออกแบบให้มีการบังคับและสนับสนุนให้ดำเนินการอย่างสมดุลเพื่อให้ก่อประโยชน์แก่ทุกภาคส่วนอย่างสูงสุด โดยได้มีการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนตามระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างครบถ้วน จึงมั่นได้ใจว่าร่างพระราชบัญญัติฯ ฉบับนี้จะเข้าสู่การพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาจนแล้วเสร็จโดยเร็ว ก่อนเสนอเข้าสู่กระบวนการพิจารณาร่างกฎหมายของรัฐสภาเพื่อให้สามารถไปสู่การบังคับใช้ได้อย่างเร่งด่วนต่อไป
“ประเทศไทยเติบโตอย่างยั่งยืนด้วยเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำและมีภูมิคุ้มกันต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศด้วยการมีส่วนร่วมของประชาชน”

กรมลดโลกร้อน ร่วมบรรยายพิเศษในงาน “คืนสู่เหย้า 44 ปี สหสาขาวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม จุฬาฯ

ชมรมจุฬาฯ รักษ์สิ่งแวดล้อม เพื่อถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์ด้านนโยบายการจัดการสิ่งแวดล้อมขององค์กรที่จำเป็น ต้องปรับตัวต่อผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพถูมิอากาศ ณ ห้องประชุม 801 ชั้น 8 อาคารเฉลิมราชกุมารี 60 พรรษา (จามจุรี 10) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยดร.พิรุณ สัยยะสิทธิ์พานิช ได้กล่าวถึงแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงที่มีผลกระทบต่อสังคม เศรษฐกิจ เทคโนโยลี และสิ่งแวดล้อม ตลอดจนความร่วมมือของประชาคมโลกภายใต้กรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (UNFCCC)พร้อมทั้งนำเสนอผลลัพธ์สำคัญจากการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาฯ สมัยที่ 30 (COP 30) อาทิ การจัดส่งเป้าหมาย NDC 3.0 เพื่อยกระดับความมุ่งมั่นในการลดก๊าซเรือนกระจก การจัดทำตัวชี้วัดเป้าหมายการปรับตัวระดับโลก (Global Goal on Adaptation)และกรอบ Baku to Belém Roadmap to 1.3T ซึ่งเป็นเป้าหมายในการระดมเงินทุนมูลค่า 1.3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี ค.ศ. 2035 เพื่อสนับสนุนประเทศกำลังพัฒนาในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและเพิ่มความสามารถในการปรับตัวฯ ทั้งนี้ ยังได้กล่าวถึงทิศทางนโยบายสำคัญในการมุ่งสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero GHG Emission) ภายในปี ค.ศ. 2050 รวมทั้งความก้าวหน้าในการจัดทำ (ร่าง) พระราชบัญญัติการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ พ.ศ. …. ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการเปลี่ยนผ่านสู่การพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแบบปล่อยคาร์บอนต่ำโดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ในการนี้ ดร.พิรุณ ได้เน้นย้ำถึงบทบาทสำคัญของเยาวชนในการเข้ามามีส่วนร่วมในการกำหนดนโยบายด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น เพื่อร่วมออกแบบอนาคตของตนเองพร้อมทั้งวางรากฐานที่มั่นคงให้กับคนรุ่นต่อไป โดยมีนิสิตเก่า นิสิตปัจจุบันของหลักสูตรสหสาขาวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อมและประชาชนทั่วไป เข้าร่วมรับฟังการบรรยายจำนวนทั้งสิ้น 200 คน
“ประเทศไทยเติบโตอย่างยั่งยืนด้วยเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำและมีภูมิคุ้มกันต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศด้วยการมีส่วนร่วมของประชาชน”

“กรมลดโลกร้อน” MOU “เวเธอร์นิวส์ อิงค์” ญี่ปุ่นเสริมศักยภาพการประเมินความเสี่ยงภูมิอากาศ เพิ่มความสามารถในการปรับตัวของประเทศไทย

วันที่ 2 ธันวาคม 2568 กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม (สส.) ได้ลงนามบันทึกความร่วมมือว่าด้วยการเสริมสร้างศักยภาพการประเมินความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของประเทศไทย ระหว่าง กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม โดย นายปวิช เกศววงศ์ รองอธิบดีกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม ได้รับมอบหมายจาก ดร. พิรุณ สัยยะสิทธิ์พานิช อธิบดีกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม และ บริษัท เวเธอร์นิวส์ จำกัด โดยนายทาคามุเนะ ซูซุกิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายธุรกิจเทคโนโลยีสภาพภูมิอากาศ บริษัท เวเธอร์นิวส์ จำกัด และนายมาซาจิกะ นิชิบายาชิ ประธานกรรมการบริษัท เวเธอร์นิวส์ (ประเทศไทย) จำกัด เป็นสักขีพยาน และได้รับเกียรติจากนางสาวยูริเอะ โอซาวะ เลขานุการเอกสถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย ร่วมกล่าวแสดงความยินดี ณ ห้องประชุมอารีย์สัมพันธ์ อาคารกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม
นายปวิช เกศววงศ์ รองอธิบดีกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า ปัจจุบันวิกฤตการณ์การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ มีแนวโน้มรุนแรงมากขึ้น โดยในช่วง 2 – 3 เดือนที่ผ่านมา ประเทศไทยได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์น้ำท่วมทั้งในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ ส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจหยุดชะงัก ประชาชนได้รับผลกระทบในวงกว้าง และจากข้อมูล Climate Risk Index (CRI) 2026 โดย Germanwatch ระบุว่า ในปี 2024 ที่ผ่านมา ประเทศไทยมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น อยู่ในอันดับที่ 17 จากอันดับที่ 72 ในปี 2022 สะท้อนถึงความเปราะบางต่อเหตุการณ์สภาพอากาศสุดขั้วอย่างชัดเจน ส่วนความเสี่ยงระยะยาว 30 ปี อยู่อันดับที่ 22 จากอันดับที่ 30 ในปี 2022 แสดงให้เห็นว่าความเสี่ยงของไทยเพิ่มสูงขึ้นอีกทั้ง จากการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 30 (COP30) ณ เมืองเบเลง ประเทศบราซิล ได้เห็นชอบ “The Belem Adaptation Indicator” เป้าหมายการปรับตัวระดับโลก (GGA) ที่ประเทศภาคีสมาชิกใช้ในการกำหนดเป้าหมายด้านการปรับตัวให้เหมาะสมกับบริบทของแต่ละประเทศ และรายงานผลการดำเนินงานในรายงาน global stocktake ปี 2028 ซึ่งหนึ่งในเป้าหมายที่สำคัญ ได้แก่ การประเมินและการพัฒนาข้อมูลความเสี่ยงของประเทศที่ประชาชนสามารถเข้าถึงและใช้ประโยชน์ได้
ภารกิจด้านการพัฒนาและเผยแพร่ข้อมูลด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญต่อการกำหนดทิศทางและนโยบายด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของประเทศ โดยในปัจจุบัน กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม อยู่ระหว่างการพัฒนาศูนย์การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม หรือ CCE Center เพื่อเป็นแหล่งข้อมูลหลักด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของประเทศ ที่เชื่อมโยงข้อมูลกับหน่วยงานต่าง ๆ รวมถึงศูนย์ประสานงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและความหลากหลายทางชีวภาพของจังหวัด โดยหน้าที่ในการพัฒนาและเผยแพร่ข้อมูลด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เป็นหนึ่งในสาระสำคัญของ (ร่าง) พระราชบัญญัติการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ พ.ศ…..ซึ่งอยู่ระหว่างการเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณา
นายปวิช กล่าวต่อว่า กรมฯ มีความต้องการที่จะพัฒนาข้อมูลความเสี่ยงเชิงพื้นที่ที่มีความละเอียดขึ้น เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของผู้ใช้งานสำหรับการวางแผนด้านการปรับตัวทั้งในระดับประเทศและระดับพื้นที่ โดยหน่วยงานหรือองค์กรต่าง ๆ สามารถนำข้อมูลดังกล่าวไปใช้ประกอบการจัดทำข้อเสนอโครงการด้านการปรับตัวฯ เพื่อขอรับการสนับสนุนทางการเงินจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ เช่น GCF Adaptation Fund The Fund for responding to Loss and Damage (FRLD) ซึ่งในการพัฒนาข้อมูลความเสี่ยงเชิงพื้นที่ที่มีความละเอียดสูง จำเป็นต้องใช้ข้อมูลการคาดการณ์ภูมิอากาศที่มีความละเอียดสูง ด้วยความเชี่ยวชาญของบริษัทเวเธอร์นิวส์ อิงค์ ที่มีประสบการณ์ในการพัฒนาและให้บริการข้อมูลการคาดการณ์สภาพอากาศและภูมิอากาศเพื่อการเตือนภัยหรือเฝ้าระวัง จะช่วยสนับสนุน เสริมสร้างศักยภาพการประเมินความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของประเทศไทยอย่างยั่งยืน
“ประเทศไทยเติบโตอย่างยั่งยืนด้วยเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำและมีภูมิคุ้มกันต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศด้วยการมีส่วนร่วมของประชาชน”





