เดือน: กรกฎาคม 2568
ยกเลิกประกาศรายชื่อผู้ชนะการเสนอราคา จ้างก่อสร้างจ้างปรับปรุงระบบป้องกันอัคคีภัย ด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ e-bidding
ประกาศผู้ชนะการเสนอราคา จ้างวิเคราะห์ทดสอบคุณลักษณะของวัสดุดูดซับ โดยวิธีเฉพาะเจาะจง
ประกาศผู้ชนะการเสนอราคา จ้างเปลี่ยนถังจ่ายน้ำอัตโนมัติ อาคารปฏิบัติการและฝึกอบรมด้านสิ่งแวดล้อม โดยวิธีเฉพาะเจาะจง
ประกาศผู้ชนะการเสนอราคา จ้างจัดทำชุดนิทรรศการเผยแพร่งานวิจัยด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม โดยวิธีเฉพาะเจาะจง
ประกาศผู้ชนะการเสนอราคา จ้างซ่อมเครื่องพิมพ์เอกสาร จำนวน 2 เครื่อง โดยวิธีเฉพาะเจาะจง
กรมลดโลกร้อน ขับเคลื่อนแนวทางปรับตัว รับมือวิกฤตโลกร้อนอย่างยั่งยืน
วันจันทร์ที่ 14 กรกฎาคม 2568 กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม ร่วมกับ มูลนิธิสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย จัดการประชุมเผยแพร่แนวทางการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และข้อเสนอแนะเชิงนโยบายต่อการพัฒนาดัชนีความเสี่ยงด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศสำหรับประเทศไทย ณ ห้องวอเตอร์เกทบอลรูม 1&2 ชั้น 6 โรงแรมอมารี กรุงเทพฯ (ประตูน้ำ) โดยมีนายปวิช เกศววงศ์ รองอธิบดีกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม เป็นประธานกล่าวเปิดการประชุม และได้รับเกียรติจาก ดร.วิจารย์ สิมาฉายา ผู้อำนวยการสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย กล่าวต้อนรับ พร้อมด้วยผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม สถาบันการศึกษา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุมและแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นกว่า 200 คน
การประชุมครั้งนี้ จัดขึ้นเพื่อเผยแพร่แนวทางการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และข้อเสนอแนะเชิงนโยบายตามแนวทาง/กรอบการศึกษาการพัฒนาดัชนีความเสี่ยงด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ (CRI) ที่เหมาะสมกับบริบทของประเทศไทยโดยมีผลการศึกษาคือ
– การพัฒนาแนวทางและเพิ่มศักยภาพของชุมชนให้เป็นพื้นที่ต้นแบบด้านการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ จำนวน 2 พื้นที่ คือ จังหวัดเชียงรายและจังหวัดนครศรีธรรมราช และการปรับตัวในสาขาที่เกี่ยวข้อง จำนวน 2 สาขา คือ สาขาการจัดการทรัพยากรธรรมชาติ มุ่งเน้นทั้งการฟื้นฟู อนุรักษ์ และการใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน โดยอาศัยองค์ความรู้ทั้งวิทยาศาสตร์และภูมิปัญญาท้องถิ่นควบคู่กัน และสาขาการตั้งถิ่นฐานและความมั่นคงของมนุษย์ มุ่งเน้นการออกแบบเมืองและโครงสร้างพื้นฐานที่ยืดหยุ่นต่อภัยพิบัติ การดำรงชีวิตที่สอดคล้องกับสภาพธรรมชาติ การหลีกเลี่ยงการตั้งถิ่นฐานในพื้นที่เสี่ยง
– การศึกษาวิธีการประเมินและจัดอันดับความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของประเทศต่างๆ ได้นำแนวทางของ Germanwatch มาปรับใช้และพัฒนาสำหรับการจัดทำดัชนีความเสี่ยงด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ (Climate Risk Index: CRI) ที่เหมาะสมกับบริบทของประเทศไทย ซึ่งคำนึงถึงผลกระทบจากภัยพิบัติ ที่สืบเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ที่มีต่อชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชนและผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศ
ซึ่งผลการศึกษาในครั้งนี้จะเป็นประโยชน์ในจัดทำแนวทางการปรับตัวให้ครบทั้ง 6 สาขาและพัฒนาพื้นที่ต้นแบบ ให้มีศักยภาพในการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และเป็นต้นแบบให้กับพื้นที่อื่นๆ ต่อไป และดัชนีความเสี่ยงด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศชุดนี้ จะช่วยสะท้อนถึงความรุนแรงของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ความเปราะบางของพื้นที่และความสามารถในการรับมือต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ผ่านมา ซึ่งจะทำให้เข้าใจผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยจะจัดลำดับความรุนแรงของจังหวัดที่ได้รับผลกระทบอันเป็นประโยชน์ต่อการวางแผนและการจัดสรรทรัพยากร เพื่อการพัฒนาพื้นที่ได้อย่างสอดคล้องกับความเสี่ยงที่เกิดขึ้น
ผลการศึกษาดังกล่าวจะส่งเสริมให้ภาคส่วนที่เกี่ยวข้องตระหนักถึงการตั้งรับการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ รวมถึงมุ่งสู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนภายใต้แผนการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแห่งชาติ (National Adaptation Plan: NAP) ซึ่งจะนำไปสู่ความสามารถในการปรับตัวของทุกภาคส่วน และมีภูมิคุ้มกันต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศต่อไป
“ประเทศไทยเติบโตอย่างยั่งยืนด้วยเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำและมีภูมิคุ้มกันต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศด้วยการมีส่วนร่วมของประชาชน”
สส.เข้าร่วมรับฟังเทศน์มหาชาติเวสสันดรชาดก เฉลิมพระเกียรติ เนื่องในงานสัปดาห์เผยแผ่พระพุทธศาสนา วันอาสาฬหบูชาและวันเข้าพรรษา ประจำปี 2568
กรมลดโลกร้อน ร่วมกับ กรมยุโรป และ DG CLIMA จัดประชุมแลกเปลี่ยนประสบการณ์เกี่ยวกับระบบซื้อขายสิทธิการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (ETS)
เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 68 ที่ผ่านมา ดร.พิรุณ สัยยะสิทธิ์พานิช อธิบดีกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม และนางสาวสมฤดี พู่พรอเนก รองอธิบดีกรมยุโรป ร่วมเป็นประธาน การประชุมเชิงปฏิบัติการแลกเปลี่ยนประสบการณ์เกี่ยวกับระบบซื้อขายสิทธิการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (ETS) โดยการสนับสนุนจากคณะกรรมาธิการยุโรปด้านการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Directorate-General for Climate Action: DG CLIMA) ซึ่งได้รับเกียรติจาก Mr. Renato Roldao (คุณเรนาโต โรลดาว) และ Ms. Irini Nikolaou (คุณอิรินี นิโคเลา) ร่วมบรรยายให้กับผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐ เอกชน สถาบันการศึกษา และองค์กรระหว่างประเทศ ประมาณ 90 คน ณ ห้องประชุมอารีย์สัมพันธ์ อาคาร สส.
การประชุมในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการพัฒนาระบบ ETS ซึ่งเป็นหนึ่งในกลไกตลาดที่สำคัญในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก สนับสนุนการเปลี่ยนผ่านไปสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ และบรรลุเป้าหมายของประเทศไทย โดยกิจกรรมในวันนี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนความร่วมมือระหว่างประเทศไทยและสหภาพยุโรป เพื่อยกระดับการลดก๊าซเรือนกระจกและการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของประเทศไทย
“ประเทศไทยเติบโตอย่างยั่งยืนด้วยเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำและมีภูมิคุ้มกันต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศด้วยการมีส่วนร่วมของประชาชน”
กรมลดโลกร้อน เป็นเจ้าภาพจัดงาน Asia Climate Summit 2025 เร่งสร้างประเทศไทยเป็นศูนย์กลางตลาดคาร์บอนเครดิตระดับโลก
เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2568 ที่ผ่านมา ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มอบหมายให้ นายอลงกรณ์ พลบุตร ประธานที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นประธานกล่าวเปิดงาน Asia Climate Summit 2025 พร้อมด้วย ดร.พิรุณ สัยยะสิทธิ์พานิช อธิบดีกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม นายปวิช เกศววงศ์ รองอธิบดีกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม ผู้บริหาร และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมงาน ณ โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล กรุงเทพฯ โดยกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม เป็นเจ้าภาพร่วมกับ International Emissions Trading Association (IETA) เพื่อเร่งยกระดับการดำเนินงานด้านคาร์บอนเครดิตระดับนานาชาติ ร่วมกับผู้เข้าร่วมการประชุมที่เป็นผู้เชี่ยวชาญ ผู้แทนหน่วยงานรัฐ ภาคธุรกิจ และภาคการเงินจากทั่วโลก กว่า 800 คน
ประธานที่ปรึกษา รมว.ทส. เน้นย้ำความสำคัญของการสร้างเสริมให้มีการขยายโอกาสทางการตลาด และความร่วมมือเพื่อพัฒนาตลาดคาร์บอนภาคสมัครใจ ควบคู่ไปกับการเสริมสร้างความร่วมมือภายใต้ข้อ 6.2 ของความตกลงปารีส ซึ่งประเทศไทยให้ความสำคัญกับกลไกการซื้อขายคาร์บอนเครดิตให้เป็นส่วนหนึ่งของการลดก๊าซเรือนกระจกและบรรลุเป้าหมาย NDC 3.0 ของประเทศตามหลักการสากล และมุ่งหวังให้เกิดประโยชน์ต่อสภาพเศรษฐกิจและสังคมในภาพรวมได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผ่านการยกระดับมาตรฐานคาร์บอนเครดิตของ Premium T-VER ในประเทศไทย เพื่อให้เชื่อมโยงกับมาตรฐานคาร์บอนเครดิตอิสระระหว่างประเทศ ซึ่งจะส่งผลให้เกิดความเชื่อมั่นสูงในการดำเนินงานของตลาดคาร์บอนในระดับภูมิภาคอาเซียน
อีกทั้ง ได้มุ่งให้การบูรณาการแผนการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแห่งชาติไปสู่การจัดการระบบนิเวศของทางทะเลและชายฝั่งในลักษณะคาร์บอนสีน้ำเงิน (Blue Carbon) ซึ่งจะช่วยส่งเสริมความหลากหลายทางชีวภาพและความเป็นอยู่ในชุมชนให้ดียิ่งขึ้นควบคู่กันอีกด้วย ตลอดจนได้เน้นย้ำถึงโอกาสที่จะได้รับจาก พ.ร.บ. การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ที่จะเป็นเครื่องมือทางกฎหมายของกลไกราคาคาร์บอน สำหรับเชื่อมการดำเนินงานกับ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) เพื่อพัฒนาแพลตฟอร์มของตลาดซื้อ-ขายคาร์บอนที่จะเป็นปัจจัยดึงดูดการลงทุน ร่วมกับการจัดตั้งกองทุนการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศภายใต้กฎหมายเพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจสีเขียวและนำไปสู่ความยั่งยืนได้ในระยะยาว
“ประเทศไทยเติบโตอย่างยั่งยืนด้วยเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำและมีภูมิคุ้มกันต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศด้วยการมีส่วนร่วมของประชาชน”